บอกเล่าเก้าสิบ “โครงการศูนย์ความรู้กินได้”

วันนี้ผมขอแนะนำข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ “โครงการศูนย์ความรู้กินได้” นะครับ
เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่ผมทำงานอยู่ด้วยก็เลยอยากให้เพื่อนๆ รู้ และเข้าใจว่าผมกำลังทำอะไร

knowledge-center

ก่อนที่จะเล่าเรื่องของ โครงการศูนย์ความรู้กินได้ ให้ฟัง ผมอาจจะต้องเกริ่นข้อมูลทั่วๆ ไปก่อนนะครับว่า

สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2552 หลายๆ คงได้เรียกสถานการณ์นี้ว่า ?เศรษฐกิจเผาจริง?
จำนวนคนตกงานกว่า 2 ล้านคน นักศึกษาจบใหม่ กว่า 7 แสนคนไม่มีงานทำ
ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวคนก็จะกลับสู่ต่างจังหวัดบ้านเกิด

อ่านมาแล้วเพื่อนๆ คงจะงง ว่า มันเกี่ยวอะไรกับ โครงการศูนย์ความรู้กินได้ ใช่มั้ยครับ
ผมก็เลยต้องขอตอบว่า “เกี่ยวสิครับ” เพราะว่าบทบาทของ โครงการศูนย์ความรู้กินได้ คือ

กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ โดยการเสนอ และสนับสนุนองค์ความรู้ที่คัดสรรตามความจำเป็น
และความต้องการของกิจกรรมเศรษฐกิจในพื้นที่บนแนวความคิด “เศรษฐกิจบนพื้นฐานความคิดสร้างสรรค์ (Creative economy)”

แล้วเพื่อนๆ ลองคิดต่อนะครับว่า เมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีคุณภาพ ก็จะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ (คนมีงานทำ)
พอคนมีงานทำก็จะเกิดการจับจ่ายเพื่อการบริโภค และทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ไม่หดตัว

โดยสโลแกนของ โครงการศูนย์ความรู้กินได้ ที่ผมชอบมากๆ ก็คือ
?เพราะความรู้ ใช้ทำมาหากินได้?

ต่อมาเรามาดูบทบาท ประโยชน์ และสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในห้องสมุดดีกว่าครับ

บทบาทหลักของโครงการศูนย์ความรู้กินได้

เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการ และให้บริการองค์ความรู้ตามความต้องการของหน่วยงาน และประชาชนในพื้นที่ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ตามสภาพเศรษฐกิจ สังคม และภาระกิจของหน่วยงานต่างๆ

เป็นส่วน ?เติม? มุมมองใหม่ๆ ผ่านทางการจัดนิทรรศการ สัมมนา สร้างต้นแบบเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ความรู้ และปัญญาผลิตวิธีการ และแนวคิดใหม่ๆ เพื่อหลุดพ้นจากบริบท หรือกรอบแนวความคิดแบบเดิมๆ

รวบรวมข้อมูล + องค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์จากหลายๆ หน่วยงานหลากหลายพื้นที่มาบริหารจัดการให้เกิดการรับรู้ได้อย่างทั่วถึง เพื่อให้ความรู้ได้ถูกนำไปใช้ + ต่อยอดเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ๆ เชื่อมโยงออกไปจากระดับจังหวัดไปสู่ระดับประเทศ

ประโยชน์ของโครงการศูนย์ความรู้กินได้
1. ประชาชนสามารถเข้าถึงความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพได้ในต้นทุนที่ต่ำ
2. การบริหารจัดการความรู้อย่างมีประสิทธิภาพของศูนย์ควมรู้กินได้ เป็นการแบ่งเบภาระของผู้ประกอบการในการดูแลบุคลากรท้องถิ่น
3. หน่วยงานในพื้นที่ได้ประโยชน์จากการเข้าถึงแหล่งความรู้ที่จำเป็นและหลากหลายมากขึ้น

จากสิ่งที่ผมเกริ่น บทบาทของโครงการฯ สโลแกนของโครงการฯ ประโยชน์ของโครงการฯ
เพื่อนๆ คงเกิดคำถามว่า แล้วโครงการนี้ต้องทำอย่างไร ผมก็ขอกล่าวต่อเลยนะครับ

แนวทางในการปฏิบัติของโครงการศูนย์ความรู้กินได้
1. นำเสนอเนื้อหา และรูปแบบความรู้ที่จำเป็นตามความต้องการของพื้นที่
2. สร้างภาพลักษณ์ให้กับอาคารห้องสมุดประชาชนในรูปแบบที่สามารถตอบโจทย์ ในการบริการความรู้ตามที่ได้รับการศึกษาวิจัย
3. เปลี่ยนบทบาทของบรรณารักษ์ให้กลายเป็นผู้ที่ให้บริการความรู้ได้ทุกรูปแบบ
4. นำเสนอนิทรรศการ ?ทำมาหากิน(ได้)? เพื่อแสดงตัวอย่างของความคิด วิธีทำ อุปสรรค และการแก้ปัญหา
5. จัดอบรมสัมมนาเพื่อ ?ทำมาหากิน?
6. ถอดบทเรียน ?ทำมาหากิน? เพื่อเปลี่ยน Tacit Knowledge เป็น Explicit Knowledge

นี่คือข้อมูลทั่วไปของ โครงการศูนย์ความรู้กินได้
หวังว่าเพื่อนๆ จะเข้าใจในจุดประสงค์ และหลักการของโครงการนี้มากขึ้นนะครับ

Twitter + Librarian = Twitterian

ก่อนอื่นผมคงต้องแนะนำก่อนว่า Twitter คืออะไร
เพราะผมเชื่อว่าบรรณารักษ์อีกหลายคนคงยังไม่รู้จักเครื่องมือชิ้นนี้อย่างแน่นอน

twitter Read more

แนะนำหนังสือเกี่ยวกับ Library 2.0

ช่วงนี้เพื่อนๆ คงได้ยินคำว่า Library2.0 หรือ ห้องสมุด 2.0 บ่อยขึ้นนะครับ
แล้วเพื่อนๆ อยากหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อ่านบ้างมั้ย วันนี้ผมมีเล่มนึงมาแนะนำครับ

librarybook Read more

ขอวิจารณ์เกณฑ์ในการสรรหาบุคคลดีเด่นในวิชาชีพบรรณารักษ์ฯ

เป็นที่รู้กันนะครับว่าทุกปีทางสมาคมห้องสมุดฯ จะมีการสรรหาบุคคลดีเด่นแห่งวงการวิชาชีพบรรณารักษ์
วันนี้ผมก็มีโอกาสได้อ่านหลักเกณฑ์ในการสรรหาเหมือนกัน เลยอยากเสนอความคิดเห็นนะครับ

good-librarian Read more

บรรณารักษ์ขาดแคลนขั้นวิกฤติ จริงๆ หรือนี่

จากข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 12 มีนาคม 2552 หน้า 8

librarian1

ได้ตีพิมพ์เกี่ยวกับเรื่อง “บรรณารักษ์ขาดแคลนขั้นวิกฤติ” ผมจึงขอวิเคราะห์ดังนี้

เพื่อนๆ สามารถอ่านข่าวได้จากการคลิกรูปด้านล่างนี้นะครับ

newspaper

ประเด็นที่พอจะสรุปได้จากการอ่านข่าว คือ
– เด็กรุ่นใหม่ไม่นิยมเรียนบรรณารักษ์ เพราะขาดความก้าวหน้า
– คนเรียนบรรณารักษ์น้อย แต่ตลาดมีต้องการสูง
– ห้องสมุดที่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนบรรณารักษ์ คือ ห้องสมุดประชาชน
– ห้องสมุดต้องนำคนวิชาชีพอื่นมาทำหน้าที่แทนบรรณารักษ์

จากการสรุปประเด็นต่างๆ ของผม ทำให้ผมต้องเอามาวิพากษ์ดังนี้

– เด็กรุ่นใหม่ไม่นิยมเรียนบรรณารักษ์ เพราะขาดความก้าวหน้า
คนส่วนใหญ่คิดว่าเรียนบรรณารักษ์แล้วขาดความก้าวหน้า
จริงๆ แล้วอาจจะเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเสมอนะครับ
เพราะว่าการที่คนเราจะก้าวหน้าในอาชีพนั้น ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลไม่ใช่ขึ้นอยู่กับอาชีพนะครับ
หลายๆ คนเอาแต่โทษว่าอาชีพว่าทำให้เราไม่ก้าวหน้า
แต่แท้จริงแล้วเราพิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็นหรือปล่าวหล่ะครับ
อ๋อ ลืมบอกอีกอย่าง การก้าวหน้าในอาชีพไม่ใช่ว่าจะขึ้นอยู่กับว่า ซีอะไรนะครับ
แต่มันขึ้นอยู่กับการยอมรับในสังคมมากกว่าต่างหากหล่ะครับ

– คนเรียนบรรณารักษ์น้อย แต่ตลาดมีต้องการสูง
ประเด็นเรื่องคนเรียนบรรณารักษ์น้อย อันนี้คงต้องศึกษากันจริงๆ นะครับ
เพราะหลักสูตรของบรรณารักษ์ที่มีในประเทศไทย
หลายๆ มหาวิทยาลัยมีการเปลี่ยนหลักสูตรนะครับ
เช่น การจัดการสารสนเทศ หรือสารสนเทศศาสตร์
ซึ่งจริงๆ แล้วก็ยังมีกลิ่นไอเป็นบรรณารักษ์อยู่นั่นแหละครับ
รวมถึงราชภัฎหลายๆ แห่งยังคงมีหลักสูตรบรรณารักษ์อยู่
เรื่องจำนวนอาจจะน้อยไปถ้าเทียบกับคนในประเทศ

วิธีแก้ง่ายๆ คือ การสนับสนุนหลักสูตรนี้ให้มีความทันสมัยและน่าเรียนให้มากกว่านี้
ปรับปรุงหลักสูตรบรรณารักษ์ให้เข้ากับโลกยุคปัจจุบัน เพื่อให้นักศึกษามีทางเลือกในการประกอบอาชีพ
แค่นี้ก็จะเพิ่มจำนวนนักศึกษาในหลักสูตรบรรณารักษ์ได้แล้วครับ

– ห้องสมุดที่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนบรรณารักษ์ คือ ห้องสมุดประชาชน
อันนี้ผมว่าต้องศึกษากันใหม่อีกทีนะครับ เพราะเท่าที่รู้มาผมก็เห็นว่ามีคนสอบเต็มทุกพื้นที่นะครับ
และที่เพิ่งผ่านมาก็มีบรรณารักษ์ที่ต้องรอเรียกคิวมากมาย รอจนต้องไปทำอาชีพอื่น
อันนี้ผมเลยงงว่า ตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไง

– ห้องสมุดต้องนำคนวิชาชีพอื่นมาทำหน้าที่แทนบรรณารักษ์
ส่วนข้อนี้ผมคงไม่วิจารณ์นะครับ เพราะว่าบางคนที่ผมคุยด้วยเขาไม่ได้จบบรรณารักษ์
แต่มีจิตใจที่อยากเป็นบรรณารักษ์จริงๆ และพยายามที่จะเรียนรู้มัน
ผมว่าเราก็ควรให้โอกาสกับคนที่อยากเป็นบรรณารักษ์มากๆ บ้างนะครับ
อาจจะมีการจัดหลักสูตรอบรม หรือ แนะนำการเป็นบรรณารักษ์แบบเร่งรัดให้เขาก็ได้

เอางี้ถามตรงๆ ดีกว่า ว่า
?คนที่ไม่ได้จบบรรณารักษ์แต่อยากเป็นบรรณารักษ์ และพยายามเรียนรู้งานบรรณารักษ์? กับ
?คนที่จบบรรณารักษ์ แต่ไม่ได้อยากเป็นบรรณารักษ์ และทำงานไปวันๆ? คุณจะเลือกใคร

นอกจากการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวโดยผมแล้ว มีเพื่อนอีกหลายๆ คนแสดงความคิดเห็น เช่น

คุณบรรณารักษ์นอกระบบ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“ห้องสมุดประชาชนนั้นขาดแตลนบรรณารักษ์จริงครับ ในแต่ละจังหวัดจะมีลูกจ้างชั่วคราวอยู่มากในตำแหน่งบรรณารักษ์ซึ่งทางกศน.ก็ ได้ทำการเปิดสอบไปไม่นานนี้และได้ประกาศผลแล้วตามที่ทุกท่านคงทราบข่าวกัน แต่?ไม่พอหรอกครับ ผมบอกได้เลยเพราะว่าสอบผ่านกัน 282 คน แต่ขาดแคลนมากกว่านี้ครับ 282 คนนี้เรียกบรรจุครบทุกคนแน่ครับ(แต่ใครสละสิทธิ์ก็อีกเรื่องนะครับ) ต่างกันแค่ระยะเวลาแต่ภายใน 2 ปีนี้หมดแน่ครับ แล้วที่บอกว่าเรียนบรรณารักษ์แล้วไม่ก้าวหน้านั้น ขอบอกว่าป่าวเลยครับ เป็นบรรณารักษ์แล้วถ้าขึ้นไปถึงขั้น บรรณารักษ์ 7 ว. เมื่อไหร่ก็โอนไปเป็นข้าราชการครูได้นี่ครับ หรือจะไปเรียนโทเพื่อสอบเป็นผอ.ศูนย์อำเภอ หรือรองผอ.ศูนย์จังหวัดก็ได้ครับ จังหวัดผมรองผอ.ศูนย์จังหวัดมาจากบรรณารักษ์ครับ แล้วจะบอกว่าไม่ก้าวหน้าหรือครับ แล้วพอมีใครสอบได้หรือโอนได้ ตำแหน่งบรรณารักษ์นั้นก็จะว่าง รอคนรุ่นใหม่ไปบรรจุต่อไปไงครับ วันนี้ขออนุญาตกล่าวแค่นี้ก่อนนะครับ หากมีข้อสงสัยประการใดผมจะมาคลายข้อสงสัยอีกครั้งนะครับ”

คุณ Jimmy ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“เรื่องของการบรรจุ ที่เคยเห็นและสัมผัสมาในเรื่องของบรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชน บางแห่งว่าจ้างแต่ลูกจ้าง เวลาทางศูนย์สอบถามมาก็บอกว่าไม่ขาดแคลน เนื่องจากการจ้างลูกจ้างกับบรรณารักษ์ อัตราค่าจ้างต่างกัน แล้วลูกจ้างที่ว่าก็เป็นญาติพี่น้องของบรรณารักษ์ที่มีอยู่ก่อนบ้าง เด็กฝากจากท่านผู้ใหญ่ในท้องที่บ้าง แล้วอย่างนี้จะให้มีตำแหน่งว่าได้ยังไง ไม่เข้าใจจริง ๆ เคยไปสอบแล้วต้องเสียความรู้สึกมาก ๆ เมื่อมีคนบอกว่าให้ดูรายชี่อนี้ให้ดี ๆ เพราะนี่คือคนที่จะได้ทำงานที่นี่ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เข้าห้องสอบเลยด้วยซ้ำ แล้วผลก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ทุกวันนี้เลยไม่คิดจะสอบราชการเลย ทำงานในส่วนของเอกชน ให้รู้ไปว่าจะไม่มีงานทำ เหนื่อยแล้วท้อใจกับระบบนี้จริง ๆ (ระบบเครือญาติ) หลาย ๆ คนอาจจะเถียงว่าไม่จริง แต่ขอโทษมันเกิดขึ้นแล้วค่ะ”

คุณ Nantamalin ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
ถามว่าทำไมถึงขาดแคลนบรรณารักษ์ ตอบเลยว่าเพราะตอนนี้โลกเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เด็กรุ่นใหม่ไม่เข้าใจว่าบรรณารักษ์หมายถึงอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสำคัญอย่างไร เดี๋ยวนี้ไม่รู้อะไรก็หาจาก Internet สังคมมันเปลี่ยนเป็นยุค 2.0 หมดแล้ว บรรณารักษ์เปลี่ยนรูปแบบเป็นนักสารสนเทศหมดแล้ว ความสำคัญในการวิเคราะห์หนังสือก็เปลี่ยนมาเป็นวิเคราะห์เนื้อหาของ web แทน บริการตอบคำถามก็เปลี่ยนเป็น e-service แทน สังคมทำให้คำว่าบรรณารักษ์เปลี่ยน หลักสูตรก็สอนให้คนที่เรียนคิดอย่างคนรุ่นใหม่ไม่เจาะลึกเนื้อหา จับแบบผิวเผิน คิดแค่ว่าจับข้อมูลมารวมกันให้เยอะ แล้วเอาลง web ก็เสร็จแล้ว ลืมไปแล้วว่าหัวใจ และจิตวิญญาณของบรรณารักษ์อยู่ที่ไหน แล้วอย่างนี้จะโทษใครคงไม่ได้ เพราะสังคมเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องธรรมดา แต่วันนี้วิชาบรรณารักษ์จะกลับมาเมื่อยุคดิจิตอลล่มสลาย เพราะมีสูงสุดย่อมมีต่ำสุด?มันก้เป็นเช่นนั้นเอง”

คุณ yayaing ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“โดยส่วนตัวแล้ว?เคยทำงานที่ห้องสมุดประชาชนเหมือนกันค่ะ..ตำแหน่ง บรรณารักษ์อัตราจ้าง ทำสัญญาปีต่อปีกัน?ทำอยู่ประมาณ 2 ปีครึ่งน่ะคะ..หมดสัญญาจ้างแล้วก้อไม่ได้ต่ออีก..ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ มหาวิทยาลัย แต่ก้อไม่ได้ทำงานกับห้องสมุดหรอกนะคะ..แต่ตอนนี้มาทำงานทางด้านวารสาร.. ซึ่งเหมือนก่อนนี้ตอนที่เรียนนะคะ..จำได้ว่ามีเรียนวิชาเกี่ยวกับการพิมพ์ แล้วอาจารย์พาไปดูงานตามโรงพิมพ์..ยังเคยคิดเล่นๆ ว่าไม่เกี่ยวกับเราตรงไหน..แต่พอมาทำงานจริงๆๆ..กลับเกี่ยวกับเราเต็มๆ เลย ยังดีที่เก็บเอกสารที่เรียนไว้อยู่น่ะคะ?ก้ออยากจะเข้ามาบอกว่าทุกวิชาที่ เราได้เรียนน่ะ?บางวิชาอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรา แต่จริงๆ แล้วอาจจะมีประโยชน์ก้อได้นะคะ?ส่วนเรื่องที่ว่าการขาดแคลนบรรณารักษ์..คิด ว่าตามราชภัฏต่างๆ ก้อมีคนที่เรียนบรรณารักษ์เยอะนะคะ..แต่เมื่อเรียนจบ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้มาทำงานที่ตัวเองเรียนหรอกค่ะ บางคนหางานไม่ได้..หรือบางคนก้อคือไม่ชอบงานห้องสมุดไปเลยก้อมี..แต่อยากจะ ให้กำลังใจสำหรับผู้ที่หางานทุกคนนะคะ (โดยเฉพาะผู้ที่เรียนจบบรรณารักษ์น่ะคะ) ตัวเองเคยมีประสบการณ์มาก่อน?.ไม่อยากให้คนอื่นต้องเป็นเหมือนตัวเองน่ะคะ”

จริงๆ แล้วยังมีอีกหลายๆ คนที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ
ผมก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่แสดงความคิดเห็นต่างๆ เข้ามาด้วยเช่นกัน

สรุปแล้วเรื่องที่ผมนำมาวิจารณ์ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะจริง หรือ เท็จแค่ไหน
ผมก็อยากจะบอกและพูดกับทุกคน ว่า

?ถึงแม้ว่าอาชีพบรรณารักษ์จะเป็นอาชีพที่คนในสังคมไทยไม่เคยให้ความสำคัญ
แต่ขอให้จำเอาไว้ว่าเราเป็นอาชีพหนึ่งที่สร้างความสำคัญให้สังคมไทย
ทุกอาชีพ ทุกคน ต้องเคยผ่านสถานที่ที่เราทำงาน (ห้องสมุด)?

ขอบคุณครับที่ทนอ่านบล็อกยาวๆ ครั้งนี้

หลักสูตรเพื่อนักศึกษาบรรณารักษ์รุ่นใหม่ (ICS)

วันนี้ผมขอนำหลักสูตรวิชาบรรณารักษศาสตร์ในต่างประเทศมาให้ดูอีกสักหน่อย
เผื่อว่านักพัฒนาหลักสูตรบรรณารักษศาสตร์ในบ้านเราจะแวะเข้ามาอ่านในบล็อกผมบ้าง

ics Read more

ห้องสมุดปลอดภัยจากไข้หวัด 2009

ช่วงนี้ข่าวเรื่องการระบาดของไข้หวัด 2009 เริ่มได้ยินหนาหูมากนะครับ
วันนี้ผมจึงขอยกเรื่องมาตรการเพื่อป้องกันไข้หวัด 2009 มาให้เพื่อนๆ อ่าน

swine-flu Read more

ฝึกงานบรรณารักษ์ที่นี่สิท้าทายที่สุด

เด็กบรรณารักษ์ที่กำลังหาที่ฝึกงานอยู่ลองฟังทางนี้นะครับ
สถานที่ที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้เป็นสถานที่ที่น่าฝึกงานมากๆ และท้าทายความสามารถสุดๆ

blind-library Read more

สัปดาห์ห้องสมุดปีที่ 34 : บทบาทของห้องสมุดกับการพัฒนาอาชีพ

ช่วงนี้มีเพื่อนๆ เข้ามาถามเรื่องการจัดกิจกรรมสำหรับงานสัปดาห์ห้องสมุดแห่งประเทศไทยเยอะมาก
ผมก็เลยขอถือโอกาสนี้ตอบผ่านบล็อกของผมเพื่อเป็นแนวให้ทุกๆ คนเลยนะครับ

library-week

ปีนี้สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ได้ประกาศให้มีการจัดงานสัปดาห์ห้องสมุดปีที่ 34 ในเดือนสิงหาคม
โดยใช้หัวข้อในการจัดงานของปีนี้ คือ “บทบาทของห้องสมุดกับการพัฒนาอาชีพ”
สถานที่ในการจัดงาน คือ ห้องสมุดทุกประเภท ทั่วประเทศ (ทุกห้องสมุดรับนโยบาย)

สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยได้เสนอแนวคิดในการจัดกิจกรรม ดังนี้
1. จัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติ? และพระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
2. จัดแสดงสินค้าที่ประชาชนในท้องถิ่น / ชุมชน จัดทำขึ้น? ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตนำมาจำหน่ายในงานสัปดาห์ห้องสมุด
3. จัดการบรรยาย / อภิปราย / เสวนา / เรื่องอาชีพต่างๆ ที่ บุคคล / ครอบครัว จะจัดทำ และจำหน่ายเป็นรายได้
4. จัดนำชมห้องสมุด

หลังจากที่ดูจากกิจกรรมของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยแล้ว
ผมก็ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมนิดนึงนะครับ

1. เรื่องนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติอันนี้แน่นอนครับเดือนสิงหาคม
วันแม่แห่งชาติ เพื่อนๆ ควรจะต้องจัดกิจกรรมสัปดาห์วันแม่แห่งชาติอยู่แล้ว

2. การนำสินค้าในท้องถิ่นมาจำหน่ายในงานสัปดาห์ห้องสมุด
อันนี้อาจจะพบเห็นได้น้อยที่นะครับ แต่เพื่อให้เข้ากับธีมของงานก็อาจจะทำได้เช่นกัน

3. การบรรยายเรื่องอาชีพในห้องสมุดอันนี้ก็โอเคนะครับ
จะให้ดีห้องสมุดควรลองประสานงานกับวิสาหกิจชุมชนดูสิครับ แล้วจะได้วิทยากรมาบรรยาย

4. นำชมห้องสมุด อันนี้แม้ว่าจะไม่ใช่สัปดาห์ห้องสมุดก็ต้องจัดอยู่แล้วครับ

และในฐานะที่ผมเป็นบล็อกเกอร์ของชาวห้องสมุดและบรรณารักษ์
ผมก็ขอร่วมจัดกิจกรรมสัปดาห์ห้องสมุดกับเขาด้วยเหมือนกัน
เพียงแต่ของผมจะจัดกิจกรรมบนบล็อกและเวทีสาธารณะด้านนอกแล้วกันนะครับ

กิจกรรมสัปดาห์ห้องสมุดที่จะจัดโดย Libraryhub (ในเดือนสิงหาคม)
– จัดงาน Libcamp#2 ในวันที่ 1 สิงหาคม 2552 โดยใช้ธีมเกี่ยวกับ บรรณารักษ์บล็อกเกอร์กับการพัฒนางานห้องสมุด
-เชิญผู้ที่ประกอบอาชีพในวงการต่างๆ มาสัมภาษณ์ถึงความสำเร็จ และประสบการณ์ในการใช้ห้องสมุด (4 คน : 4 วัน)
– พาทัวร์ห้องสมุดชุมชนที่มีส่วนต่อการพัฒนาอาชีพ และพาทัวร์ห้องสมุดขององค์กรที่ประสบความสำเร็จ
– กิจกรรมคลิ๊กนี้เพื่อแม่ (ในช่วงวันแม่) จะให้ช่วยกันคลิกถวายพระพร
– สำรวจหนังสือเล่มโปรดของเพื่อนๆ

เอาเป็นว่าเกริ่นไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า แต่ผมรับรองว่าในเดือนสิงหาคม
Libraryhub ในธีมของงานสัปดาห์ห้องสมุด
จะต้องทำให้เพื่อนๆ ได้ไอเดียในการจัดกิจกรรมอีกเยอะเลยทีเดียว

รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดงานสัปดาห์ห้องสมุด ประจำปี 2552 โดยสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย

ดาวน์โหลดได้ที่ – เอกสารจัดงานสัปดาห์ห้องสมุด ประจำปี 2552

สำหรับวันนี้ผมก็ขอให้เพื่อนๆ มีแรงบันดาลใจในการคิดกิจกรรมดีๆ แล้วกันนะครับ
หากต้องการคำปรึกษาก็อีเมล์มาถามได้ หรือ MSN ถ้าสะดวกผมจะตอบทันที
เตรียมนับถอยหลังงานสัปดาห์ห้องสมุดได้แล้วนะครับ บ๊ายบาย

หลักสูตรปริญญาโทด้านห้องสมุดดิจิทัลมีแล้ว…

ผมได้ติดตามหลักสูตรการเรียนการสอนด้านห้องสมุดมาสักระยะหนึ่งแล้ว
แต่ผมเองก็ไม่เคยเห็นหลักสูตรไหนที่ทันสมัยเท่ากับหลักสูตรที่ผมจะแนะนำวันนี้

ait-digital-library Read more