ห้องสมุดประชาชนบางแห่งคนก็เข้าเยอะนะ

เมื่อวานผมเขียนเรื่อง “ทำไมคนถึงไม่เข้าห้องสมุดประชาชน ???
ในตอนจบของเรื่องนั้น ผมได้กล่าวไว้ว่า ห้องสมุดประชาชนบางที่ก็มีผู้ใช้บริการเยอะนะ
วันนี้ผมจึงขอมาเล่าเรื่องนี้ให้จบ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้เพื่อนๆ

lumpinidll0111-copy

ตัวอย่างที่ผมจะยกขึ้นมาเพื่อนๆ บางคนอาจจะเคยได้ใช้บริการ
และผมก็เชื่อว่าบางคนอาจจะไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อเลยก็ว่าได้

เริ่มจากที่แรก ?ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้สวนลุมพินี?
สถานที่ตั้งผมคงไม่ต้องบรรยายมากนะครับ เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าอยู่ใน ?สวนลุมพินี?
สภาพอาคารเป็นแค่อาคารชั้นเดียวเท่านั้น
แต่ภายในมีการจัดพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ อย่างที่ห้องสมุดเขาจัดกันนั่นแหละ

จุดเด่นของ ?ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้สวนลุมพินี?
– ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ในสวนสาธารณะ
– ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
– มีความทันสมัยด้านการสืบค้นข้อมูล
– บรรณารักษ์อัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม และให้ความช่วยเหลือได้ดี
– การจัดมุมต่างๆ แบ่งแยกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นมุมสืบค้น มุมหนังสือเด็ก มุมบริการคอมพิวเตอร์

เพียงแค่นี้ห้องสมุดแห่งนี้ก็เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่แห้งเลย
เพราะว่ามีคนแวะเวียนมาอ่านหนังสือ ทำงาน กันอย่างไม่ขาดสายเลย

ต่อด้วยอีกตัวอย่างนึงแล้วกัน ?ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ ซอยพระนาง?
ห้องสมุดแห่งนี้อยู่ใกล้ๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเองครับ
เพื่อนๆ สามารถเดินจากอนุสาวรีย์ไปที่ห้องสมุดแห่งนี้ได้ครับ
ห้องสมุดแห่งนี้ ประกอบด้วย 2 อาคาร อาคารนึงก็มี 3 ชั้นครับ
ภายในมีการจัด และตกแต่งได้ดี และจัดสรรพื้นที่ได้เหมาะสม

จุดเด่นของ ?ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ ซอยพระนาง?
– สามารถเดินทางมาที่นี่ได้สะดวก (อนุสาวรีย์ชัยมีรถไปเกือบทุกที่ของกรุงเทพฯ)
– มีการตกแต่งสถานที่ และจัดการภายในที่ดี
– ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีครบครัน เช่น อินเทอร์เน็ต, wireless, ระบบสืบค้น ฯลฯ
– มีการจัดกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยครั้ง จึงทำให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
– หนังสือที่ให้บริการมีความทันสมัย และน่าติดตาม (หนังสือใหม่)
– มีการบริการสื่อที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น ดีวีดี, โปรแกรมช่วยสอน ฯลฯ

จากที่ได้ยกตัวอย่างมาทั้งสองห้องสมุด ผมขอ สรุปปัจจัยที่ทำให้ห้องสมุดประสบความสำเร็จ ดังนี้
– อยู่ใกล้แหล่งชุมชน และการเดินทางสะดวก
– มีการจัดระเบียบ และตกแต่งภายในที่ชัดเจน และดึงดูด
– สื่อ หรือทรัพยากรในห้องสมุดมีความใหม่ และทันสมัยอยู่เสมอๆ
– มีการจัดกิจกรรม? หรือนิทรรศการเพื่อให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้น
– ผู้ที่ทำงานในห้องสมุด ต้องบริการด้วยใจ และเต็มที่ในการให้บริการ
– เทคโนโลยีสารสนเทศในห้องสมุด ก็เป็นอีกปัจจัยนึงในการพัฒนาห้องสมุด
– การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนกับห้องสมุด เช่น ให้การสนับสนุนห้องสมุด ฯลฯ

จริงๆ ยังมีมากกว่านี้อีกนะครับ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่ตั้งของห้องสมุดนั้นๆ ด้วย
อ๋อแล้วก็พยายาม อย่าพยายามบอกว่า ?เพราะว่าคนไม่ชอบการอ่านครับ?
จริงๆ แล้ว คนอาจจะต้องการอ่านก็ได้ แต่จะสามารถสนับสนุนผู้ใช้เหล่านี้ได้แค่ไหนก็เท่านั้นเองครับ

ก่อนจากกันวันนี้ผมจะ็ขอจบเรื่องห้องสมุดประชาชนในสังคมไทยแต่เพียงเท่านี้
เอาไว้ว่างๆ ผมจะมาบ่นเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังกันใหม่นะครับ

ทำไมคนถึงไม่เข้าห้องสมุดประชาชน ???

เพื่อนๆ ในแต่ละจังหวัด คงจะเคยสังเกตห้องสมุดประชาชนของจังหวัดตัวเองดูนะครับ
ว่ามีห้องสมุดประชาชนของจังหวัดนั้นๆ มีผู้ใช้บริการ หรือคนเข้ามาในห้องสมุดมากน้อยเพียงใด

public-library

หลายๆ คนอาจจะตอบผมว่า น้อย หรือไม่ก็น้อยมาก (ส่วนใหญ่)

สาเหตุที่คนไม่ค่อยเข้าใช้ห้องสมุดประชาชน เกิดจากอะไรได้บ้าง
– ทรัพยากรสารสนเทศมีน้อย
– บรรยากาศในห้องสมุดไม่ค่อยดี
– ห่างไกลจากชุมชน
– บรรณารักษ์ต้อนรับไม่ดี

ประเด็นต่างๆ ที่ผมกล่าวอาจจะมีส่วนที่ทำให้คนไม่เข้าห้องสมุดนะครับ (แค่อาจจะมีส่วนนะครับ)

บางครั้งถ้าผมไปถามบรรณารักษ์ หรือ คนทำงานห้องสมุดบ้างว่าทำไมไม่มีใครเข้าใช้
ผมก็เชื่อว่าส่วนหนึ่งอาจจะตอบผมว่า
– พฤติกรรมของคนไม่ชอบการอ่าน (คนไทยไม่ชอบอ่าน)
– งบประมาณไม่มีเลยไม่ได้พัฒนาห้องสมุด

โอเคครับ สำหรับคำตอบที่กล่าวมา

จากเสียงของผู้ใช้ จนถึงเสียงของบรรณารักษ์ ผมสรุปได้ง่ายๆ ว่า
เกิดจากห้องสมุดไม่สามารถพัฒนาขีดความสามารถของตัวห้องสมุดได้
ไม่ว่าจะเป็นสารสนเทศที่มีจำนวนน้อย หรือสภาพห้องสมุดที่ไม่มีการปรับปรุง

โอเคครับ นั่นคือปัญหา และปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา
ด้วยความเป็นจริงที่เลี่ยงไม่ได้ ห้องสมุดประชาชนก็ยังคงต้องประสบปัญหานี้ต่อไป

ผมได้เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ หลายคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้ข้อคิดมากมาย เช่น

คุณ PP ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะของผู้ใช้บริการห้องสมุดว่า

จำได้ว่าเคยไปหาหนังสือทำรายงานที่ห้องสมุดเทศบาล หนุงสือน้อยกว่าที่โรงเรียนอีก แถมเก่า เดือนก่อนเพิ่งสังเกตุว่ามีห้องสมุด มสธ เปิดอีกแห่งทั้งสภาพ บรรยากาศ พอๆ กัน ถ้ารวมกันได้? คงประหยัดงบได้เยอะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องซื้อหนังสือพิมย์ฉบับเดียวกัน ส่วนงบประมาณถ้าทำดีๆ แล้วขอบริจาคคงได้งบมาบ้างละ แต่บริการตอนนี้บอกตรงๆ เห็นแล้วเซ็ง

คุณ Jimmy ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะของผู้ใช้บริการห้องสมุดว่า

บรรณารักษ์มีส่วนทำให้คนเข้าห้องสมุดได้น้อยเหมือนกันนะ อย่างสมัยเรียนห้องสมุดประชาชนอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก พอเข้าไปใช้ เจ้าหน้าที่นั่งหลับ ทำหน้าทีแค่เปิดปิดห้อง ทำความสะอาดนิดหน่อย หน้าที่หลักคือ เฝ้าห้อง

จากเรื่องด้านบนที่ผมได้เขียนมาก็เป็นเพียงแค่ห้องสมุดประชาชนส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ
ผมก็อยากจะบอกว่า ยังมีห้องสมุดประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่มีผู้ใช้บริการเยอะเช่นกัน
ซึ่งไว้ผมจะขอเล่าให้ฟังในตอนหน้านะครับว่า ห้องสมุดเหล่านั้นทำไมจึงมีผู้ใช้บริการมากมาย

แต่ทั้งหลายทั้งปวลที่เล่านี่ก็ไม่ได้อยากให้ท้อนะครับ
เพียงแต่เรื่องหลายๆ เรื่องเราต้องทำความเข้าใจและช่วยกันปรับปรุงกันต่อไป

10 เหตุผลยอดฮิตของการเป็นบรรณารักษ์

บทความนี้ผมเขียนตั้งแต่ปี 2007 แต่ขอเอามาเขียนใหม่นะครับ
ด้วยเหตุที่ว่า มีเพื่อนหลายคนถามอยู่เสมอว่า “ทำไมถึงอยากเป็นบรรณารักษ์”
ผมก็เลยไปหาคำตอบมาตอบให้เพื่อนๆ อ่าน ซึ่ง 10 เหตุผลดังกล่าวผมว่าก็มีส่วนที่ค่อนข้างจริงนะ

reason-librarian

ปล. 10 เหตุผลยอดนิยมของการบรรณารักษ์ ต้นฉบับเป็นของต่างประเทศ
ดังนั้นอาจจะมีบางส่วนที่เพื่อนๆ อาจจะรับไม่ได้ก็ได้นะครับ ต้องขออภัยล่วงหน้า

ต้นฉบับของเรื่องนี้ ชื่อเรื่องว่า “The Top 10 Reasons to Be a Librarian
ซึ่งเขียนโดย Martha J. Spear

10 เหตุผลยอดฮิตของการเป็นบรรณารักษ์ มีดังนี้
1. Grand purpose – ตั้งใจอยากจะเป็น
2. Cool coworkers – เพื่อนร่วมงานดี
3. Good working conditions – สภาพการทำงานใช้ได้
4. It pays the rent – สามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเอง
5. A job with scope – เป็นงานที่มีความหลากหลาย
6. Time off – มีเวลาพักเยอะ
7. Great conferences – มีการจัดงานประชุมได้ดีมาก
8. Useful skills – ใช้ทักษะที่เรียนอย่างเต็มที่
9. Romance – อาชีพที่มีความโรแมนติก
10. Ever-changing and renewing – เป็นอาชีพที่ทำได้นานกว่าอาชีพอื่นๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ มีเหตุผลไหนที่ตรงใจคุณกันบ้าง
อย่างที่ผมบอกไว้แต่แรกหล่ะครับ ว่านี่เป็นเหตุผลของบรรณารักษ์ในต่างประเทศ
อย่าเพิ่งโต้เถียงนะครับ เพราะว่าบ้านเมืองเขาเป็นอย่างนั้น

วันนี้ผมคงได้แค่แปลให้อ่านนะครับ แล้ววันหลังจะมาเขียนอธิบายทีละข้อเลย
เพราะว่าเท่าที่อ่านดูคร่าวๆ นับว่ามีแง่คิดเยอะเหมือนกันครับ
เช่น ข้อที่ 7 ที่พูดถึงเรื่องการจัดประชุมทางวิชาการของสาขาวิชาชีพนี้ ที่เขาบอกว่าดีที่สุด มันเป็นอย่างไร เอาไว้อ่านคราวหน้านะครับ

นั่นคือเหตุผลของบรรณารักษ์ในต่างประเทศ เอาเป็นว่าทีนี้ในบ้านเรา ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะครับว่า
“ทำไมเพื่อนๆ ถึงเรียนบรรณารักษ์ หรือทำงานบรรณารักษ์” อิอิ ว่างๆ จะขอสำรวจนะครับ

ปรัชญา Google สู่การให้บริการในห้องสมุด

วันนี้ผมขอนำเสนอข้อคิดดีๆ ที่ผมได้จากการอ่านหนังสือของ google ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงานบริการของห้องสมุด
ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าในหนังสือเล่มนี้จะมีปรัชญาที่ล้ำลึกได้ขนาดนี้ เอาเป็นว่าไปอ่านกันก่อนดีกว่า

book-google

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับหนังสือ
ชื่อหนังสือ : เจาะตำนาน รวยฟ้าผ่า google
ผู้แต่ง : สุขนิตย์ เทพอนันต์, พงษ์ระพี เตชพาพงษ์
ISBN : 978-974-7048-14-8
จำนวน : 164 หน้า
ราคา : 165 บาท
สำนักพิมพ์ : บริษัท มายด์ คอนเน็กชันส์ จำกัด

เนื้อเรื่องของหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 9 บท มีดังนี้
บทที่ 1 – ฟ้าส่งยาฮูมาเกิดไฉนส่งกูเกิลมาเกิดด้วยเล่า
บทที่ 2 – เล็กพริกขี้หนู
บทที่ 3 – จะหารายได้หรือจะกินแกลบ
บทที่ 4 – ไม่คลิกไม่ต้อจ่าย
บทที่ 5 – เงามืดโตตามตัว
บทที่ 6 – ถึงเวลาเป็นบริษัทมหาชน
บทที่ 7 – บุกตลาดต่างประเทศ
บทที่ 8 – เกมผูกมิตรแข่งศัตรู
บทที่ 9 – ทำนายอนาคตกูเกิล

หนังสือเล่มนี้เมื่อผมอ่านไปครึ่งเล่มก็เจอกับปรัชญาหนึ่งที่น่าสนใจ
ปรัชญานี้ผู้ก่อตั้งกูเกิล (Larry Page และ Surgrey Brin)ใช้สอนและบอกพนักงานอยู่เสมอ
ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีอยู่หลายข้อนะครับ แต่ผมขอยกตัวอย่างสัก 6 ข้อมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านแล้วนำไปลองปฏิบัติกันดูนะครับ

ตัวอย่างปรัชญา
1. คิดถึงผู้ใช้บริการก่อนแล้วอย่างอื่นจะตามมาเอง
(Focus on the user and all else will follow)

2. จะทำอะไรก็ทำให้เก่งไปซักเรื่องหนึ่งจะดีกว่า
(It?s best to do one thing really, really well)

3. เร็วดีกว่าช้า
(Fast is better than slow)

4. ประชาธิปไตยต้องดีที่สุด
(Democracy on the web works)

5. จริงจังได้โดยไม่ต้องใส่สูท
(You can be serious without a suit)

6. ยอดเยี่ยมแล้วยังไม่พอ
(Great just isn?t good enough)

ตัวอย่างการนำไปใช้ในห้องสมุด
1. เวลาบรรณารักษ์ให้บริการ เราต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้มากกว่าความต้องการของเรา

2. งานของบรรณารักษ์ที่ผมเน้นจริงๆ แล้ว เราไม่จำเป็นต้องเก่งตามปรัชญาหรอกครับ
ขอแค่รู้จักและทำงานเป็นก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะเก่งสักเรื่องผมขอเก่งเรื่องการบริการผู้ใช้แล้วกัน

3. ส่วนการบริการที่รวดเร็วย่อมดีกว่าการบริการที่ช้าเพราะอย่าลืมว่าสังคมปัจจุบันมีการแข่งขันสูง
เราต้องคำนึงถึงผู้ใช้ที่ต้องการความรวดเร็วในการบริการ ไม่ใช่รอแล้วรออีก

4. การเคารพการตัดสินใจของผู้ใช้ในการประเมินห้องสมุดเพื่อปรับปรุงบริการต่างๆ
เราดูเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็อย่าลืมพิจารณาเสียงส่วนน้อยด้วย เพราะบางครั้งเสียงส่วนน้อยอาจจะทำให้เราเกิดบริการแบบใหม่ก็ได้

5. การทำงานผมอยากเน้นว่านอกจากการทำงานด้วยความจริงจังกับหน้าที่ของตนแล้ว
สิ่งที่ผมอยากเสริมคือเรื่องของความจริงใจ โดยเริ่มจากเพื่อนร่วมงาน และผู้ใช้บริการ
หากเรามีทั้งความจริงจังและความจริงใจแล้ว เราจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนั้นๆ

6. การที่เราได้รับคำชมมากๆ ไม่ได้หมายความว่าเราจะบริการเพียงเท่านี้
แต่เราต้องพัฒนาการบริการให้ผู้ใช้ดีขึ้นไป เพราะว่าคำชมจะอยู่ได้ไม่นานถ้าเราไม่พัฒนางานต่อไป
เช่นปีนี้ห้องสมุดทันสมัยขึ้น พอปีหน้าผู้ใช้บริการมากขึ้นก็เริ่มมีเสียงว่าไม่พอใช้
ดังนั้นเราต้องมีการปรับปรุงและพัฒนางานบริการด้านต่างๆ ให้ดีไปเรื่อยๆ ไม่มีคำว่าพอ

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับปรัชญาและข้อคิดดีๆ จาก google
จริงๆ มีอีกหลายข้อนะครับที่น่าสนใจ เอาไว้ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟังใหม่
ยังไงถ้าเพื่อนๆ คิดอะไรได้ดีกว่าแสดงความคิดเห็นด้านล่างได้เลยนะครับ
เราจะได้ร่วมกันพัฒนาวิชาชีพไปด้วย

ปล. จริงๆ แล้วปรัชญาของ google ก็สามารถประยุกต์ได้ทุกสาขาวิชาชีพนะครับ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน

งานบรรณารักษ์ที่เพื่อนๆ ชอบที่สุด คือ…

งานในห้องสมุดถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกัน บรรณารักษ์ในแต่ละส่วนก็มีหน้าที่ไม่เหมือนกัน
วันนี้ผมเลยอยากถามเพื่อนๆ ว่า “หากเพื่อนๆ เลือกทำงานในห้องสมุดได้ เพื่อนๆ จะเลือกงานไหน”

[poll id=”11″]

การตอบแบบสอบถามนี้เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคลของแต่ละคนนะครับ
เพราะในความเป็นจริงแล้วผมเชื่อว่าทุกคนก็คงต้องทำงานทุกอย่างที่กล่าวมาอยู่ดี
คงเลือกไม่ได้หรอกครับว่าจะอยู่งานไหน เอาเป็นว่าผมแค่ถามงานที่ชอบในความรู้สึกก็แล้วกัน

library-work

คำอธิบายงานในแต่ละส่วน

1. งานบริหารห้องสมุด
– งานวางแผนและกำหนดนโยบายต่างๆ ในห้องสมุด ควบคุมงบประมาณและทำรายงานสถิติต่างๆ

2. งานพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ
– งานจัดซื้อจัดหาทรัพยากรต่างๆ เข้าห้องสมุด

3. งานวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ
– งาน catalog นี่แหละ ไม่ว่าจะ dewey หรือ LC ก็ตาม

4. งานบริการยืม-คืน
– ให้บริการหน้าเคาน์เตอร์อย่างเดียว ยิงบาร์โค้ตหนังสือยืม และหนังสือคืน

5. งานวารสารและสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง
– งานจัดการด้านวารสาร นิตยสารต่างๆ เช่น เย็บเล่มวารสาร ทวงวารสารที่ยังไม่ส่ง ฯลฯ

6. งานบริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า
– งานที่ให้คำปรึกษา และนั่งตอบคำถามแก่ผู้ใช้บริการ ปัจจุบันอาจจะตอบผ่าน Chat, MSN, Mail ฯลฯ

7. งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
– งานดูแลระบบไอทีต่างๆ ในห้องสมุด รวมถึงระบบห้องสมุดอัตโนมัติด้วย

8. งานโสตทัศนวัสดุและอุปกรณ์
– งานให้บริการสื่อมัลติมีเดียต่างๆ เช่น ซีดี วีซีดี ดีวีดี อาจจะรวมถึงห้องมัลติมีเดียด้วย (ถ้ามีในห้องสมุด)

9. อื่นๆ (โปรดระบุ)
งานอื่นๆ ที่อาจจะไม่ระบุถึง ณ ที่นี้ เช่น จัดชั้นหนังสือ ฯลฯ

นิยามของงานไหนที่ไม่ชัดเจนเพื่อนๆ อาจจะตอบ อื่นๆ มานะครับแล้วก้ระบุมาให้ผมด้วยว่างานอะไร

ถ้าเป็นไปได้นอกจากการเลือกที่แบบสอบถามแล้ว ผมขอให้เพื่อนๆ ตอบลงมาใน comment ด้วยนะครับ
โดยรูปแบบในการตอบแบบสอบถามนี้ ผมกำหนดไว้แล้ว มีดังนี้

1. ประเภทของห้องสมุดที่คุณทำงาน (ห้องสมุดโรงเรียน, ห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา, ห้องสมุดเฉพาะ, ห้องสมุดองค์กรอื่นๆ)
2. งานที่คุณทำในห้องสมุด
3. งานที่คุณอยากทำในห้องสมุด พร้อมเหตุผล

——————————————

ตัวอย่างการตอบแบบสอบถาม (คำตอบของผมเอง)

ประเภท : ห้องสมุดประชาชน
งานที่ทำในห้องสมุด : งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
งานที่อยากทำในห้องสมุด : บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า
เหตุผล : เพราะว่าการตอบคำถามให้ผู้ใช้บริการจะเป็นการเปิดโลกทัศน์ทำให้เรามีความกระตือรือร้น
ในการอยากรู้อยากเห็น แสวงหาคำตอบมาตอบผู้ใช้เท่ากับเป็นการเพิ่มความรู้ให้เราด้วยครับ

——————————————

อ๋อสำหรับคนอื่นที่ไม่ได้เป็นบรรณารักษ์ ขอแค่ระบุว่าอยากทำงานด้านไหนในห้องสมุดก็พอแล้วครับ

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ

รวมรูปภาพสาวสวยในห้องสมุด

วันนี้วันเสาร์ วันหยุดของเพื่อนๆ หลายๆ คน หรือบางคนก็เรียกว่า วันชิวๆ
ผมเลยขอเอารูปภาพสวยๆ มาฝากให้เพื่อนได้ชื่นชมกันหน่อย

cool-librarian

ซึ่งถ้าเป็นรูปธรรมดาก็คงไม่ใช่บล็อกห้องสมุดแน่
ดังนั้นผมจึงขอประมวลภาพสาวๆ ในห้องสมุดสักหน่อยแล้วกัน

วิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้ผมได้มาซึ่งภาพบรรณารักษ์สวยๆ ในห้องสมุด ก็คือ
เข้าไปหาภาพใน GOOGLE นั่นเอง (http://images.google.com/imghp?hl=en&tab=wi)

ส่วนการใช้ keyword เพื่อที่จะทำให้ผมได้รูป “บรรณารักษ์สวยๆ ในห้องสมุด” เช่น
– pretty librarian
– sexy librarian
– girl in library
– ฯลฯ

เอาเป็นว่าลองเข้าไปดูกันเองแล้วกันนะครับว่าจะเจอรูปอะไรบ้าง
แต่วันนี้ผมขอนำมาให้เพื่อนๆ ดู สัก 5 รูปแล้วกันนะครับ

librarian-cool1-195x300

รูปแรกมาจาก www.odelizajacoba.com

librarian-cool2-200x300

รูปที่สองมาจาก www.patrickrothfuss.com

librarian-cool3-187x300

รูปที่สามมาจาก www.smh.com.au

librarian-cool4

รูปที่สี่มาจาก www.tanashabitat.com

librarian-cool5-249x300

รูปที่ห้ามาจาก www.pinoyblog.com

เอาเป็นว่าวันนี้วันสบายๆ ก็ขอให้เพื่อนๆ มีความสุขทุกคนก็แล้วกันนะครับ

ช่วงเทศกาลสอบปลายภาค ณ ห้องสมุด

ช่วงนี้หลายๆ สถาบันการศึกษา(โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย) เริ่มเข้าสู่ฤดูแห่งการสอบปลายภาคแล้ว
วันนี้จะมาขอเล่าเรื่องราวสมัยตอนที่ผมยังคงเป็นนักศึกาาให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันนะครับ

exam-library

นโยบายของห้องสมุดในบางที่ ที่พยายามเอื้อให้กับผู้ใช้บริการเพื่อมานั่งอ่านหนังสือใช่วงสอบ
โดยอาจจะมีการขยายช่วงเวลาของการปิดทำการให้ดึกขึ้น หรือบางที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
เอาเป็นว่านี่คือสิ่งที่ดีครับ
อย่างน้อยผมก็คนนึงแหละที่ชอบอ่านหนังสือดึกๆ ในห้องสมุด

บางสถานศึกษาที่นักเรียน นักศึกษาไม่ชอบเข้าห้องสมุด
ช่วงเวลาสอบห้องสมุดนี่จะเงียบเหมือนป่าช้าเลย
จึงทำให้ห้องสมุดเหล่านั้นฉวยโอกาส ในช่วงของเวลาใกล้สอบปิดบริการก่อนกำหนดเวลา
เช่นจากเดิมที่มีการปิดให้บริการ 18.00 แต่ช่วงสอบปิด 16.00

อันนี้น่าเกลียดไปหรือปล่าว ผมคงไม่ต้องพูดนะครับ

ช่วงสอบนี้ผู้ใช้บริการต้องการอะไรจากห้องสมุดบ้างหล่ะ
ผมขอนำเสนอมุมมองในฐานะที่ผมเป็นผู้ใช้บริการห้องสมุดแล้วกันนะครับ

สิ่งที่ผมต้องการจากห้องสมุด
1. ห้องที่สามารถใช้อ่านหนังสือได้ดึกกว่าเดิม (อันนี้หลายๆ ที่ก็ให้บริการดึกขึ้น)
เช่นจากเดิมห้องสมุดปิดบริการเวลา 21.00 น. แต่ในช่วงสอบจะปิดบริการเวลา 23.00 น.

2. ห้องที่ใช้ในการติวหนังสือ ยิ่งช่วงสอบขอบอกเลยว่าคนใช้บริการส่วนนี้เยอะมาก
บางที่ไม่มีการจัดการเรื่องคิว บางที่ไม่จัดการเรื่องเวลา
ผมอยากเสนอไอเดียแบบนี้แล้วกัน(บางที่ดีอยู่แล้วนะครับ) ห้องสมุดจะให้บริการห้องประชุมส่วนตัว
โดยกำหนดจำนวนผู้ใช้ขั้นต่ำ เวลาที่ให้บริการ มีตารางการใช้บอกชัดเจน

3. สามารถยืมหนังสือในช่วงสอบได้
อันนี้หลายๆ ที่ผมไม่ประทับใจเลยเนื่องจากพอช่วงสอบทีไรก็จะประกาศงดยืมทุกชนิด
ส่วนตัวผมเองเข้าใจนะครับว่า จำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้
เอาเป็นว่าเสนอเล่นนะครับว่าในช่วงสอบก็ยังยืมได้ตามปรกติ แต่วันที่คืนคือวันสอบเสร็จวันสุดท้ายเท่านั้น

เอาเป็นว่าที่ผมกล่าวมาเป็นเพียงแค่ความต้องการเล็กๆ จากผู้ใช้บริการอย่างผมแล้วกัน
ยังไงบรรณารักษ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงงานบริหารควรดูเรื่องนโยบายให้มากกว่านี้นะครับ

แล้วยังไงช่วงนี้ฤดูการสอบ สำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องสอบเหมือนกันก็ขอให้โชคดีกันทั่วหน้านะครับ

แนะนำห้องสมุดโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี

ช่วงนี้ ชีวิตของผมก็วนเวียนอยู่แถวจังหวัดกรุงเทพ เชียงใหม่ แล้วก็อุบลราชธานี
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาวันนี้ผมขอพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวห้องสมุดโรงเรียนในจังหวัดอุบลราชธานีบ้าง

ubon-school-library12

ข้อมูลเบื้องต้นของโรงเรียน
ชื่อโรงเรียน : โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี
ที่อยู่ : เลขที่ 150 ถนนราชบุตร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
โทรศัพท์ : 045-245449, 045-245301
เว็บไซต์ : http://www.anubanubon.ac.th

ทำไมผมถึงเลือกที่จะแนะนำที่นี่รู้มั้ยครับ…
สาเหตุหลักๆ คือ ห้องสมุดแห่งนี้เพิ่งมีการปรับปรุงสถานที่ใหม่
ซึ่งต้องขอบอกว่าเป็นที่ฮือฮามากในจังหวัดอุบลราชธานี

การบริการในห้องสมุดแห่งนี้ แบ่งออกเป็น 6 ส่วน ดังนี้
1. ห้องสมุดอ่าน (พื้นที่ให้บริการสำหรับอ่านหนังสือ วารสาร สิ่งพิมพ์อื่นๆ)
2. ห้องสมุดส่วนนิทรรศการ (พื้นที่มุมศิลป์ มุมผลงานนักเรียน ฯลฯ)
3. ห้องสมุดส่วนเวที (พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน)
4. ห้องสมุดอิเลคโทรนิกส์ (พื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมการเรียนการสนอ การค้นคว้าด้วยระบบอินเทอร์เน็ต)
5. ห้องสมุดลานอ่านหนังสือ (พื้นที่ลานศาสลาเกียรติยศ)
6. ห้องสมุดของเล่น (พื้นที่เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน)

ห้องสมุดโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานีปัจจุบันตั้งอยู่ที่อาคาร 7 นะครับ
ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการใหม่เมื่อเดือนมีนาคม 2551 ครับ

พูดถึงเรื่องงบประมาณของห้องสมุด ผมต้องขอชื่นชมสักนิดนะครับ
เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากสมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนจำนวน 2 ล้านบาท

มาถึง hilight ที่ผมจะนำเสนอเกี่ยวกับห้องสมุดแห่งนี้แล้ว นั่นคือ
การตกแต่งด้านในห้องสมุดของโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานีทำให้ผมนึกถึง TKpark และห้องสมุดซอยพระนางเลย

ไม่เชื่อดูรูปรังผึ้งที่ให้เด็กๆ ปีนขึ้นไปอ่านหนังสือสิครับ มันดูคล้ายๆ TKpark เลย

ubon-school-library02

ส่วนการวางรูปแบบของชั้นหนังสือในห้องสมุดแห่งนี้มีลักษระการวางคล้ายๆ ห้องสมุดซอยพระนางเช่นเดียวกัน

ubon-school-library05

เอาเป็นว่าผมก็ขอชื่มชมบรรณารักษ์ ผู้บริหารโรงเรียน และสมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนนี้นะครับ
ที่ช่วยกันร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้นักเรียนซึ่งเป็นอนาคตของชาติต่อไป

รวมภาพบรรยากาศ “ห้องสมุดโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี”

[nggallery id=14]

เข้าห้องสมุดเยอะๆ แล้วจะแข็งแรง

ปกติเพื่อนๆ คงเคยได้ยินว่าออกกำลังกายเยอะๆ แล้วจะแข็งแรง
พอมาอ่านบทความเรื่องนี้ของผม เพื่อนๆ จะได้เจอนิยามใหม่ครับ
ว่า “เข้าห้องสมุดเยอะๆ แล้วจะแข็งแรง” ครับ

use-library-often

ไม่แปลกหรอกครับ ที่จะต้องบอกว่า “เข้าห้องสมุดเยอะๆ แล้วจะแข็งแรง”
ความแข็งแรงที่ว่านี้ คือ “ปัญญา” “ความรู้” “ความฉลาด” “สมอง”

เนื่องจากถ้าเพื่อนๆ เข้าห้องสมุดเยอะๆ แล้วเข้าไปอ่านหนังสือมากๆ
เพื่อนๆ จะได้รับความรู้ในเรื่องต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

บางเรื่องเป็นเรื่องที่เพื่อนๆ ให้ความสนใจ เมื่อเพื่อนๆ อ่านก็จะทำให้เข้าใจในสิ่งที่อ่านมากขึ้น
บางเรื่องเป็นเรื่องที่เพื่อนๆ สงสัยมานาน พอเพื่อนๆ ได้อ่านก็จะคลายความสงสัยและได้คำตอบเหล่านี้ไป
บางเรื่องเป็นเรื่องที่เพื่อนๆ อ่านแค่ผ่านๆ แต่วันนึงอาจจะต้องนำมาใช้ก็ได้นะ

จากภาพโปสเตอร์ที่ผมนำมาให้ดูนี้
ผมว่าเป็นโปสเตอร์ที่เชิญชวนให้คนเข้าห้องสมุดได้สร้างสรรค์มากๆ เลยครับ
(ตอนแรกนึกว่า ป้ายโฆษณาโรงยิม หรือ สถานที่เพาะกาย)

เอาเป็นว่าลองเก็บไอเดียนี้ไปคิดเล่นๆ ดูนะครับ
สำหรับเจ้าของภาพ คือ Originally uploaded by marklarson

อากาศร้อนแบบนี้ไปเข้าห้องสมุดกันดีกว่า

ช่วงนี้อากาศข้างนอกมันร้อนเพื่อนๆ ว่ามั้ย? ขนาดว่าฝนก็ตกนะแต่อากาศก็ยังจะร้อนต่อไป
เฮ้อ!!!! เซ็งอ่ะ แล้วถ้าอากาศร้อนๆ เพื่อนๆ จะทำยังไงให้หายร้อนบ้างหล่ะ

hot-day

ไอเดียเพื่อแก้ร้อนตามแบบฉบับสากล (สากลไหน??????)
– นอนตากแอร์อยู่บ้านสิ เยี่มมากครับแต่เปลืองไฟ
– เปิดพัดลมเยอะๆ เช่นเดียวกันครับเยี่ยมมากแต่เปลืองไฟ
– อาบน้ำบ่อยๆ เออวันนี้ไม่เปลืองไฟครับแต่เปลืองน้ำ
– หาอะไรกินเย็นๆ สิ เช่น ไอติม น้ำแข็งใส ครับโอเคเลยเยี่ยมแต่เปลืองเงิน
– ไปเดินตากแอร์ที่ห้างสรรพสินค้าดีกว่า ไม่เอาอ่ะมันเปลืองเวลา

ซึ่งจะเห็นว่า วิธีที่แก้ร้อนนี้ ช่างเป็นวิธีที่จะทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำที่เพิ่มขึ้น ค่าไฟก็เพิ่มขึ้น ?..

แล้วเพื่อนๆ เป็นเหมือนผมหรือเปล่า
?อากาศร้อนมากๆ จะทำงานไม่ได้ เพราะว่าไม่มีสมาธิทำงาน?
?อากาศร้อนมากๆ จะหงุดหงิด ไม่สามารถทำงานได้อย่างสบายใจ?

วันธรรมดาผมคงไม่ประสบปัญหาเท่าไหร่ เพราะว่าที่ทำงานเปิดแอร์ดังนั้นจึงทำงานได้อย่างปกติ
แต่ในวันเสาร์อาทิตย์จะให้ผมเปิดแอร์ทำงานทั้งวัน ค่าไฟก็คงไม่ต้องพูดถึง คงหมดเงินจำนวนมากแน่ๆ

วิธีการที่จะช่วยให้ผมสามารถทำงานได้ และลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับไฟฟ้า นั่นก็คือ การไปห้องสมุด นั่นเอง

ในช่วงอากาศร้อนๆ แบบนี้ ผมจะเลือกห้องสมุดที่มีลักษณะดังนี้
1. ห้องสมุดที่โปร่ง โล่ง สบาย (ติดแอร์ก็ดี แต่ถ้าไม่ติดแอร์ก็ขอแบบว่าอากาศถ่ายเทสะดวก)
2. ห้องสมุดที่มีบริการอินเทอร์เน็ตทั้งแบบไร้สาย และเครื่องให้บริการ
3. ห้องสมุดที่มีหนังสือที่เกี่ยวกับการทำงานของผม
4. ห้องสมุดที่มีเวลาปิด และเวลาเปิดเหมาะสม เช่น ปิดสักสองทุ่ม สามทุ่มได้มั้ย
5. ห้องสมุดที่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

จริงๆ แล้วอยากได้อีกหลายอย่างนะ แต่ถ้าให้บรรยายทั้งหมดคงไม่ไหวอ่ะ
เพราะว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของความต้องการแบบพื้นฐานของคนที่ทำงานแล้ว

ซึ่งการหนีอากาศร้อนๆ แล้วมาเข้าห้องสมุด ผมว่ามันดีหลายอย่างนะครับ เช่น
– ไม่ต้องเปลืองค่าน้ำ ค่าไฟ มากขึ้น
– ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ในการแสวงหาความรู้
– สร้างนิสัยการเข้าใช้ห้องสมุดในรูปแบบใหม่ (เข้ามาทำงาน + อ่านหนังสือ)

เอาเป็นว่าวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ผมแนะนำสำหรับในช่วงอากาศร้อนๆ แบบนี้ก็แล้วกันนะครับ
เพื่อนๆ คนไหนมีไอเดียอะไรก็เชิญเสนอมาได้เลยนะครับ