น้ำกัดเท้า ถือเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพผิวหนังที่สร้างความรำคาญใจไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น คนที่ทำงานในที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน หรือต้องใส่รองเท้าที่อับตลอดวัน อาการที่เกิดขึ้นอาจดูไม่ร้ายแรงในช่วงแรก แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลาม กลายเป็นแผลอักเสบหรือติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุน้ำกัดเท้า อาการ และวิธีการรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

น้ำกัดเท้าคืออะไร ?
น้ำกัดเท้า (Athlete’s Foot หรือ Tinea Pedis) คือโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อราที่เท้า โดยเฉพาะบริเวณง่ามนิ้วเท้า ฝ่าเท้า หรือรอบ ๆ ขอบเท้า ส่วนมากมักเกิดในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น เช่น การใส่รองเท้าปิดที่ไม่มีการระบายอากาศ หรือการเดินลุยน้ำโดยไม่มีการดูแลเท้าให้แห้งสะอาด
สาเหตุของน้ำกัดเท้า
- ความชื้นสะสมบริเวณเท้า เท้าที่เปียกน้ำหรือเหงื่อสะสมอยู่ตลอดวัน โดยไม่ได้รับการทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง
- เชื้อราบริเวณพื้นผิว เชื้อรามักพบในบริเวณที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือพื้นสระว่ายน้ำ
- การใช้รองเท้าหรือถุงเท้าร่วมกับผู้อื่น เชื้อราสามารถแพร่กระจายได้ง่ายจากการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เช่น รองเท้า ถุงเท้า ผ้าเช็ดตัว
- การสวมรองเท้าแน่นเกินไป ทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เกิดการสะสมของเหงื่อ ความชื้น และความร้อน
อาการของน้ำกัดเท้า
- คันบริเวณง่ามนิ้วเท้าหรือฝ่าเท้า
- มีผื่นแดง ลอกเป็นขุย หรือเป็นตุ่มน้ำใส
- ผิวหนังแตกระแหงหรือเป็นแผลเปิด อาจมีน้ำเหลืองไหลออกมา
- มีกลิ่นไม่พึงประสงค์จากเท้า
- บางกรณีมีอาการแสบหรือเจ็บบริเวณที่ติดเชื้อ
อาการน้ำกัดเท้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เชื้อลุกลามไปยังเล็บเท้าหรือผิวหนังส่วนอื่น ๆ ได้
น้ำกัดเท้ารักษาอย่างไร ?
- ทำความสะอาดเท้าอย่างสม่ำเสมอ ล้างเท้าด้วยสบู่ แล้วเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณง่ามนิ้วเท้า
- ใช้ยาทารักษาเชื้อรา เช่น ครีมยาต้านเชื้อรา (Antifungal cream) ที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น Clotrimazole, Terbinafine หรือ Miconazole
- หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่อับชื้น หมั่นเปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน เลือกรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี และหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในที่สาธารณะ
- งดเกา หรือสัมผัสบริเวณที่ติดเชื้อ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนหรือเชื้อแพร่ไปยังส่วนอื่นของร่างกาย
- ไปพบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากมีอาการบวมแดง เจ็บปวด หรือมีไข้ร่วมด้วย เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรีย
การป้องกันน้ำกัดเท้า รักษาไม่ให้เกิดซ้ำ
- รักษาความสะอาดเท้าอยู่เสมอ
- ใช้รองเท้าสำหรับลุยน้ำโดยเฉพาะหากจำเป็นต้องเดินในที่เปียก
- หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- เปลี่ยนรองเท้าและถุงเท้าทุกวัน
- ใช้แป้งหรือสเปรย์ฆ่าเชื้อราบริเวณเท้าเพื่อควบคุมความชื้น
แม้น้ำกัดเท้าจะดูเป็นโรคผิวหนังเล็กน้อย แต่หากละเลยการดูแลรักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยุ่งยากได้ ดังนั้นการรักษาความสะอาดของเท้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหานี้ หากคุณเริ่มรู้สึกคัน แสบ หรือมีผื่นแดงบริเวณเท้า อย่ารอช้า ควรรีบรักษาตั้งแต่ระยะแรก เพื่อสุขภาพเท้าที่ดีในระยะยาว