17 เรื่องชวนปวดหัว ที่จะมีเพียงคนรักหนังสือเท่านั้นที่เข้าใจ

เรื่องชวนปวดหัวที่ว่านี้ ผมว่าเพื่อนๆ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า “เรื่องแค่นี้เอง” ไม่เห็นมันจะน่าปวดหัวตรงไหนเลเอาเป็นว่าเพื่อนๆ ลองอ่านแล้ว ลองดูนะครับว่าถ้าเพื่อนๆ อยุ่ในสถานการณ์ต่างๆ ทั้ง 17 เรื่องนี้ เพื่อนๆ จะทำอย่างไร

anigif_enhanced-buzz-6606-1376527348-7

17 เรื่องชวนปวดหัว ที่จะมีเพียงคนรักหนังสือเท่านั้นที่เข้าใจ

1. เมื่อมีคนมาถามคุณว่า “หนังสืออะไรที่คุณชื่นชอบมาที่สุด” และขอให้หยิบมาให้เขาหน่อย
(บางทีหนังสือที่ผมชอบที่สุด ผมอาจจะไม่ได้ซื้อเก็บไว้ก็ได้จริงมั้ยครับ)

2. เมื่อใครบางคนมารบกวนคุณในขณะที่กำลังอ่านหนังสือเพลินๆ
(บางครั้งอาจจะทำให้ต้องย้อนกลับมาอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น)

3. เมื่อหนังสือที่อ่าน ถูกำออกมาเป็นภาพยนตร์ แล้วไม่ตรงกับที่เคยอ่าน
(อันนี้เจอบ่อยมากครับ แอบเจ็บใจเล็กๆ เวลาเล่าให้เพื่อนฟังแล้วออกมาไม่ตรงกับที่เล่า)

4. เมื่อตัวอักษรในหนังสือปะปนอยู่ในรูปภาพจนอ่านไม่รู้เรื่อง
(เรื่องนี้ก็จริงนะ บางครั้งเราเสียสมาธิกับการอ่านเพราะรูปภาพนี่แหละ)

5. เมื่อคุณจะเล่าเรื่องอะไรก็ตามให้กับคนที่เขาไม่ชอบอ่านเรื่องๆ นั้น
(เล่าให้คนที่ไม่รู้เรื่องฟัง ประเด็นคือ จบ)

6. เมื่อคุณลืมกินหรือนอนเพราะมัวแต่ติดกับการอ่านหนังสือที่ชอบ
(หนังสือที่ชอบอ่านไปอ่านมารู้ตัวอีกทีเช้าแล้ว….)

7. เมื่อตัวละครที่คุณชอบตาย…  เมื่อคุณคิดว่าเดี๋ยวตัวละคที่ชอบตัวนั้นจะฟื้น มันก็ไม่ฟื้น
(อันนี้ออกแนวเสียความรู้สึกเล็กๆ)

8. เมื่อหนังสือที่คุณชอบถูกวิจารณ์อย่างไม่เข้าท่า
(มาวิจารณ์อะไรนักหนา)

9. เมื่อผู้เขียนหยุดเขียนเรื่อง (ทั้งๆ ที่จะต้องมีภาคต่อ)
(อ่านแล้วค้างคา แบบเซ็งมาหลายเรื่องแล้ว)

10. บางมีคนมาสปอยตอนจบให้เราฟัง
(บ้านเราเยอะนะเรื่องนี้)

11. เมื่อคุณเดินเข้าร้านหนังสือ
(นักอ่านตัวจริงจะต้องเสียเงินมากมาย อิอิ)

12. เมื่อคุณให้คนอื่นยืมหนังสือไปแล้ว เขาคืนกลับมาด้วยสภาพที่ไม่เหมือนเดิม
(บรรณารักษ์ชวนคิดนะ)

13. (ต่อจากข้อเมื่อกี้) ให้ยืมไปแล้ว ไม่ได้คืนกลับมา
(อันนี้เสียความรู้สึกอย่างหนัก)

14. เมื่อคุณอ่านเรื่องจบแล้ว ต้องรอภาคต่ออีกเป็นปี
(จะให้รอทำไมนานๆ)

15. เมื่อหนังสือทำให้คุณร้องไห้ในที่สาธารณะ แล้วคนรอบข้างคิดว่าคุณบ้าน
(แอบบว่าอินเนอร์มันออกมา คนอื่นไม่เข้าใจอ่ะ)

16. เมื่อเรื่องที่อ่านคลุมเครือไม่ชัดเจน หาที่อ้างอิงก็ไม่ได้
(ต้องรีบหาที่มาทั้งที)

17. เมื่อมีคนพูดว่าคุณอ่านเยอะเกินไป
(ก็เรื่องของฉัน….)

เอาเป็นว่าเรื่องน่าปวดหัวทั้ง 17 เรื่องนี้ ผมว่าเพื่อนๆ ทำความเข้าใจได้ง่ายเลย
เพราะเพื่อนๆ คงเป็นนักอ่านกันจริงๆ ใช่มั้ยครับ….

ที่มาของเรื่องนี้ 17 Problems Only Book Lovers Will Understand
 ปล. อยากให้ดูรูปประกอบมากๆ ตลกดี

วงจรการจัดซื้อ (Acquisitions Life Cycle) สำหรับงานห้องสมุด

ใกล้งานสัปดาห์หนังสือแล้ว ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ ในวงการห้องสมุดและบรรณารักษ์ไทยหลายคนกำลังรอที่จะมาซื้อหนังสือหรือสื่อต่างๆ เข้าห้องสมุด วันนี้ผมจึงขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับกระบวนการในการจัดซื้อจัดหามาเล่าให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันอีกสักหน่อย อย่างน้อยก็ขอเตือนสติสำหรับบรรณารักษ์บางคนที่ต้องการนำเงินงบประมาณแผ่นดินมาละลายในงานสัปดาห์หนังสือครั้งนี้

Acquisitions Life Cycle

เริ่มต้นก่อนมางานสัปดาห์หนังสือ หรือ คำถามที่คุณจะต้องตอบให้ได้ก่อนการซื้อหนังสือเข้าห้องสมุด มีดังนี้
1. What หนังสือเนื้อหาในกลุ่มใดที่คุณจะมาซื้อในงานนี้
2. Where หนังสือที่คุณจะซื้ออยู่ตรงไหน หรือสำนักพิมพ์อะไร
3. When หนังสือที่คุณจะซื้อเป็นหนังสือเก่าหรือใหม่
4. Why ทำไมต้องมาซื้อหนังสือในงานนี้
ผมเริ่มจาก Question word นะครับ เพื่อนๆ ตอบตัวเองได้หรือเปล่า

เอาหล่ะครับ ทีนี้เรามาดูอะไรทีเป็นวิชาการกันบ้าง
จากหนังสือของ Evans, G. Edward
ชื่อหนังสือ Developing Library and Information Center Collections

Presentation2

ได้กล่าวถึงวงจรในการจัดซื้อ – Acquisitions Life Cycle ไว้ว่า
1. Community Analysis วิเคราะห์ความต้องการของชุมชน
2. Selection Policies กำหนดนโยบายในการเลือกซื้อ
3. Selection เลือกและค้นหา
4. Acquisition จัดซื้อจัดหา
5. Weeding / Deselection จำหน่ายออก
6. Evaluation ประเมินคุณค่า

ดูวงจรได้ตามแผนภาพที่ผมจัดทำขึ้นได้เลยครับ สังเกตว่ามันเป็นวงจรที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และมันจะวนกลับมาที่จุดเริ่มต้นทุกครั้ง วงจรนี้เองเป็นวงจรที่ผมอยากให้เพื่อนๆ ลองคิดและทบทวนขั้นตอนในการเลือกซื้อหนังสือให้ดี เช่น

1. ความต้องการของชุมชน — ผู้ใช้บริการเรามีความหลากหลายเพียงใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นห้องสมุดประชาชนคงจะตอบว่า ผู้ใช้ต้องการเกือบทุกสิ่งอย่าง เนื้อหาก็หลากหลาย รูปแบบก็หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนวนิยาย หนังสือทั่วไป หนังสือวิชาการ วารสาร นิตยสาร และอื่นๆ อีกจิปาถะ แล้วจะใช้ข้อนี้ได้อย่างไร — แบบฟอร์มเสนอรายชื่อหนังสือเข้าห้องสมุด — เพื่อนๆ มีหรือไม่ ถ้ามีแล้วเราเคยจัดซื้อเพื่อผู้ใช้บริการหรือไม่ สิ่งแรกที่เพื่อนๆ ต้องทำ คือ รวบรวมรายชื่อหนังสือที่ผู้ใช้บริการเหล่านั้นแหละมาซื้อในงานนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะซื้อทั้งหมดนะครับ ไปดูขั้นตอนต่อไปก่อน

2. ซื้อตามนโยบาย – วัตถุประสงค์ของห้องสมุด – งบประมาณ – ตรวจซ้ำในห้องสมุด
รายชื่อหนังสือที่รวบรวมมาแล้ว เรามาพิจารณากันต่อที่นโยบายของห้องสมุด ดูความเหมาะสมของเนื้อหาว่าสอดคล้องกับการให้บริการของห้องสมุดเราหรือไม่ หรือผู้ใช้บริการเสนอหนังสือที่มีราคาสูงมากๆ ยิ่งต้องคิดในเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายในงานสัปดาห์หนังสือ สมมติถ้าราคาในท้องตลาดมีราคาสูงมาก แต่ในงานสัปดาห์หนังสือมีราคาถูกลงมากก็พิจารณาเก็บรายชื่อดังกล่าวไว้ซื้อในงานสัปดาห์หนังสือดีกว่า

3. เลือกจาก list และค้นหาข้อมูลเบื้องต้น
เมื่อเราได้รายชื่อที่เราต้องการซื้อแล้ว เราควรดูหนังสือที่มีเนื้อเรื่องใกล้เคียงกันด้วย เช่น “Microsoft Office” เราสามารถดูและลองเปรียบเทียบจากสำนักพิมพ์ต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเราซื้อจากสำนักพิมพ์ที่พิมพ์จะได้ส่วนลดมากกว่า การซื้อจากตัวแทนจำหน่าย เว้นแต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้พิมพ์ในเมืองไทย (หนังสือต่างประเทศ) เราต้องเปรียบเทียบและทำ list ไว้ได้เลย เวลาไปถึงงานสัปดาห์หนังสือแล้วจะได้มีทิศทางในการเลือกซื้อ เช่น เราต้องรู้แล้วว่าจะซื้อจากสำนักพิมพ์ไหนบ้าง

4. ไปซื้อได้แล้ว
กระบวนการนี้ไม่ยากมาก คือ การไปเดินซื้อในงานสัปดาห์หนังสือได้เลย ขอแผนที่ก่อนเข้างาน หรือ เราควรดูแผนที่จากเว็บไซต์ก่อนเดินทางไปที่งาน (แนะนำเพราะคนเยอะมาก) ได้ที่ http://thailandexhibition.com/TradeShow-2013/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-18-2475.html พอไปถึงก็เดินตามแผนที่ที่วงไว้ได้เลย เลือกหนังสือที่เรา list ไว้ก่อน ถ้าเหลือเวลาค่อยเดินชมงานและเลือกหนังสือเพิ่มเติม

5. จำหน่ายของเก่าออกบ้าง
ขอจำกัดของห้องสมุดเกือยทุกแห่ง คือ พื้นที่ในการจัดเก็บหนังสือ อย่างว่าแหละครับ คงไม่มีเพื่อนๆ ซื้อหนังสือใหม่เสร็จแล้วซื้อชั้นหนังสือใหม่ต่อเลยใช่ปล่าว ดังนั้นการหาพื้นที่ให้หนังสือใหม่จึงเป็นความจำเป็นเช่นกัน ยิ่งถ้าห้องสมุดไหนมีหนังสือเต็มชั้นจนไม่มีที่จะเก็บแล้ว ผมว่าการจำหน่ายหนังสือเก่าออกบ้างเป็นเรื่องที่ห้องสมุดต้องดำเนินการนะครับ ซึ่งเรื่อง “วงจรการจำหน่ายหนังสือออก (Weeding Life Cycle)” ผมจะเอาไว้เขียนให้อ่านอีกที

6. การประเมินคุณค่าของหนังสือ
เพื่อนๆ เคยเข้าไปดูสถิติการใช้งานของหนังสือบ้างหรือไม่ ว่าหนังสือที่ห้องสมุดจัดซื้อจัดหาเข้ามาในห้องสมุด บางเล่มก็เป้นที่นิยมถูกหยิบยืมจำนวนมาก บางเล่มแทบจะไม่มีคนยืมเลย วิธีการสังเกตห้องสมุดที่มีระบบห้องสมุดอัตโนมัติสามารถดูสถิติการใช้หนังสือแต่ละเล่มได้อยู่แล้ว ส่วนบางห้องสมุดก็ใช้วิธีการประทับตราวันกำหนดส่งท้ายเล่ม นั่นก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้เพื่อนๆ สังเกตการใช้งานของหนังสือได้เช่นกัน ซึ่ง “วงจรการประเมินคุณค่าของหนังสือ (Evaluation Life Cycle)” ผมจะเอาไว้เขียนให้อ่านอีกที เช่นกัน

เอาเป็นว่า ก่อนการไปซื้อหนังสือหรือสื่ออะไรก็ตามเข้าห้องสมุดในช่วงงานสัปดาห์หนังสือ เดือนตุลาคมนี้ เพื่อนๆ คงมีการคิดอย่างดีแล้ว และเลือกหนังสือได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการของห้องสมุดกันถ้วนหน้านะครับ

11 ชั้นหนังสือน่าคิด ที่ทำจากของที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

วันนี้เจอเรื่องขำๆ ขอแชร์ให้เพื่อนๆ ดูเป็นไอเดีย เผื่อที่บ้านใครมีของที่ไม่ได้ใช้แล้วอาจจะเอามาลองประดิษฐ์เป็นชั้นหนังสือเก๋ๆ กันบ้าง บางอย่างเราอาจจะนึกไม่ถึงเลยก็ได้ [ดูแล้วต้องบอกเลยว่าคิดได้ไงเนี้ย]

Presentation1

11 ชั้นหนังสือน่าคิด ที่ทำจากของที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

1. เอารถจากัวร์มาทำเป็นชั้นหนังสือ

jaguar-bookshelf-motart

2. เอาเรือมาทำเป็นชั้นหนังสือ

boat-bookcase

3. เอาเปียโนมาทำเป็นชั้นหนังสือ

21-brillant-objects-made-from-recycled-materials-16

 

4. เอาตัวต่อ Lego มาทำเป็นชั้นหนังสือ

lego-bookshelf

 

ชมภาพทั้งหมดได้ที่นี่เลยครับ

[nggallery id=66]

หวังว่าเพื่อนๆ คงได้ไอเดียดีๆ ไปลองใช้ดูนะครับ

 

ที่มาของเรื่องนี้ : 11 Ingenious Bookshelves Made From Unusual Repurposed Items

10 ขั้นตอนสู่การก้าวเป็นผู้นำของห้องสมุดที่ยิ่งใหญ่

บทความนี้มาจากบทความ เรื่อง Leadership Qualities for Future Library Leaders : Carol’s 10 Steps to Being a Great Library Leader โดย คุณ Carol A. Brey-Casiano ซึ่งเป็น Director of Libraries ของ El Paso Public Library

Presentation1

10 ขั้นตอนสู่การก้าวเป็นผู้นำของห้องสมุดที่ยิ่งใหญ่

ขั้นที่ 1 หาที่ปรึกษาที่ชาญฉลาดและไว้ใจได้ หรือ ไม่ก็เป็นที่ปรึกษาที่ชาญฉลาดและไว้ใจได้ซะเองเลย 
ขั้นที่ 2 เรียนรู้วิธีการและการทำงานของผู้ตามคุณเป็นสิ่งแรก
ขั้นที่ 3 เป็นคนที่จะทำให้วิสัยทัศน์ขององค์กรประสบผลสำเร็จ (นั่นคือคุณต้องรู้จักและเข้าใจวิสัยทัศน์ของห้องสมุดที่คุณดูแลเสียก่อน)
ขั้นที่ 4 เป็นผู้ให้บริการที่ดี
ขั้นที่ 5 ยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นให้ได้
ขั้นที่ 6 ดูแลทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเอง
ขั้นที่ 7 มองโลกในแง่ดี
ขั้นที่ 8 พยามยามรักษาตำแหล่งและภาวะความเป็นผู้นำของคุณ ไม่ปัดความรับผิดชอบ
ขั้นที่ 9 เรียนรู้และกระตุ้นให้ผู้ตามมีประสิทธิภาพในการทำงานที่มากขึ้น
ขั้นที่ 10 อย่าทำตัวซีเรียสตลอดเวลา มีอารมณ์ขันได้บ้างแต่พองาม

ขั้นตอนทั้ง 10 นี้จะช่วยพัฒนาทักษะและความสามารถของคุณให้กลายเป็นผู้นำในห้องสมุดได้ดี
อยากให้ทุกท่านลองนำไปคิดและลองปฏิบัติกันดูนะครับ

50 ก้าว สู่การเป็น ผู้นำ ที่ทุกคนยอมรับอย่างจริงใจ

ข้อคิดดีๆ จากการอ่านหนังสือ “50 ก้าว สู่การเป็น ผู้นำ ที่ทุกคนยอมรับอย่างจริงใจ” เมื่อวันก่อนของผม คือ
ก้าวแรก “ผู้นำ” มาก่อน “ตำแหน่ง”
บางทีคนเราสามารถเป็นผู้นำได้โดยไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงเสมอไปก็ตาม
ขอเพียงแค่มีคนยอมรับ และคุณมีการเตรียมพร้อมตัวเองที่ดี
สักวันหนึ่งคุณก็จะขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งของผู้นำได้โดยคุณเองอาจไม่รู้ตัว

ปล. นอกจากวงการห้องสมุดแล้ว ผมเชื่อว่า 10 ขั้นตอนดังกล่าวสามารถนำมาใช้ได้ในทุกอาชีพ ทุกตำแหน่ง ทุกเพศ และทุกวัย

เอกสารบทความฉบับเต็มเพื่อนๆ สามารถอ่านได้ที่ http://www.library.illinois.edu/mortenson/book/10_brey-cassiano.pdf

ผลสำรวจ : ผู้ใช้บริการห้องสมุดต้องการทั้งหนังสือและเทคโนโลยี

วันนี้ผมขอนำเสนอรายงานฉบับนึงที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับความต้องการของผู้ใช้บริการในห้องสมุด รายงานฉบับนี้จัดทำโดย Pew Research Center ซึ่งชี้ให้เห็นว่า “การเข้าถึงเทคโนโลยีแบบฟรีมีความสำคัญกับกลุ่มผู้ใช้บริการของห้องสมุด พอๆ กับหนังสือแบบฉบับพิมพ์และบริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า

Library Services in the Digital Age

รายงานฉบับนี้มีชื่อว่า “Library Services in the Digital Age” ซึ่งเพื่อนๆ สามารถดาวน์โหลดได้ที่
http://libraries.pewinternet.org/files/legacy-pdf/PIP_Library%20services_Report.pdf

การสำรวจข้อมูลเริ่มต้นในช่วงวันที่ 15 ตุลาคม – 10 พฤศจิกายน 2555 สำรวจผ่านโทรศัพท์มือถือ
และผู้ที่ให้ทุนในการสำรวจข้อมูลครั้งนี้ คือ มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation)

สรุปข้อมูลจากการสำรวจข้อมูลผู้ใช้บริการเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีกับห้องสมุด
1. ผู้ใช้บริการใช้บริการอะไรบ้าง…

– บริการตอบคำถามจากบรรณารักษ์ออนไลน์
– เข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศและกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในห้องสมุด
– ลองใช้เครื่องมือใหม่ๆ
– เมื่อต้องการเดินทางมาห้องสมุดจะใช้ GPS นำทางมาได้
– ใช้บริการเครื่องยืมคืนหนังสือ / เครื่องเช่าหนังสืออัตโนมัติ ตามจุดที่ให้บริการต่างๆ ในชุมชน
– อ่าน review หนังสือ และดูหนังสือแนะนำที่เหมาะกับตัวเอง (Amazon)

2. ผู้ที่ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ (53%) ไปห้องสมุดหรือเข้าเว็บไซต์ห้องสมุดหรือใช้ app ห้องสมุดเพื่อ…

– 73% ค้นหาข้อมูลหนังสือและสื่อ
– 73% ยืมหนังสือฉบับพิมพ์
– 54% ค้นหาข้อมูลงานวิจัยหรือค้นหาข้อมูลในเรื่องที่ตนเองสนใจ
– 50% ขอความช่วยเหลือจากบรรณารักษ์
– 49% นั่ง อ่าน และเรียนในห้องสมุด
– 46% ใช้ฐานข้อมูลงานวิจัย
– 41% เข้าร่วมหรือพาเด็กๆ มาร่วมกิจกรรม การอบรม และงานอีเวนท์
– 40% ยืม DVD ภาพยนตร์
– 31% อ่านและยืมนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์
– 23% มาประชุมกลุ่ม
– 21% เข้าร่วมกิจกรรมผู้ใหญ่
– 17% ยืมหรือดาวน์โหลดหนังสือเสียง
– 16% ยืม CD เพลง

จากข้อมูลรายงานฉบับนี้ทำให้เราได้เห็นว่าความสำคัญของห้องสมุดที่เป็นสถานที่ และการเข้าถึงห้องสมุดจากภายนอกด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะฉะนั้นหวังว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นแนวทางในการจัดทำแผนงานเพื่อการพัฒนาห้องสมุดในปีต่อไปได้นะครับ

ยังไงก็อย่าลืมไปดาวน์โหลดมาอ่านกันนะ

รายงานฉบับนี้มีชื่อว่า “Library Services in the Digital Age” ซึ่งเพื่อนๆ สามารถดาวน์โหลดได้ที่
http://libraries.pewinternet.org/files/legacy-pdf/PIP_Library%20services_Report.pdf

8 ห้องสมุดที่สุดเหลือเชื่อในเอเซีย

วันนี้ผมได้เข้าไปอ่าน บล็อก mentalfloss แล้วเจอบทความนึงที่น่าสนใจมาก ซึ่งผมเองก็หาเรื่องแบบนี้มานานแล้ว ปกติพอพูดถึงห้องสมุดสุดอลังการ หลายคนจะนึกถึงห้องสมุดแถบยุโรปหรือไม่ก็แถบอเมริกาไปเลย ซึ่งจริงๆ แล้วในเอเซียเองก็มีห้องสมุดที่น่าสนใจมากมายนะครับ เอาเป็นว่าลองไปดูกันดีกว่าครับ

8 incredible libraries asia

8 ห้องสมุดที่สุดเหลือเชื่อในเอเซีย มีที่ไหนบ้างน้า…
1) David Sassoon Library, India
2) Raza Library, India
3) The National Library of China
4) The Tianyi Pavilion Library, China
5) National Library of Bhutan
6) Grand People’s Study House, North Korea
7) Nakanoshima Library, Japan
8) Beitou Library, Taiwan

ห้องสมุดทั้งแปดแห่งนี้มาจาก 6 ประเทศด้วยกัน คือ อินเดีย, จีน, ภูฎาน, เกาหลีเหนือ, ญี่ปุ่น และไต้หวัน
ห้องสมุดที่อยู่ใน list ที่ผมอยากไปมีอยู่ 3 แห่งครับ คือ
– National Library of Bhutan (ความอลังการที่น่าดึงดูดใจ)
– Grand People’s Study House, North Korea (เข้าประเทศนี้ได้ยากมาก แต่ก็อยากเห็น)
– Beitou Library, Taiwan (ห้องสมุดสีเขียวที่ผมอยากเห็นมานานแล้ว)

เอาหล่ะครับไปชมภาพของห้องสมุดทั้ง 8 แห่งดีกว่าครับ

1) David Sassoon Library, India
lib1

Images courtesy of Flickr users bookchen

2) Raza Library, India
lib2
3) The National Library of China
lib3

Image courtesy of  Flickr user Dennis Deng.

4) The Tianyi Pavilion Library, China
lib4

Images courtesy of What’s On Ningbo.

5) National Library of Bhutan
lib5

Image courtesy of Wikipedia user Christopher J. Flynn

6) Grand People’s Study House, North Korea
lib6

Images courtesy of Flickr users John Pavelka

7) Nakanoshima Library, Japan
lib7

Image courtesy Flickr users hetgallery

8) Beitou Library, Taiwan
lib8

Images courtesy of Flickr user JAQ’s PhotoStorage

เอาเป็นว่าน่าสนใจทั้งแปดแห่งเลยมั้ยครับ ถ้ามีโอกาสในชีวิตนี้ผมจะต้องไปเยี่ยมเยียนห้องสมุดเหล่านี้ให้ได้
และเมื่อวันนั้นมาถึง ผมสัญญาว่าจะนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้เห็นและรู้จักห้องสมุดเหล่านี้มากขึ้นแน่

ที่มาของข้อมูลและภาพจาก http://mentalfloss.com/article/30982/8-incredible-libraries-asia
สรุป แปลและเรียบเรียงโดย Ylibraryhub

สรุปทักษะแห่งอนาคต การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ฉบับคุณครูบรรณารักษ์

เมื่อวานนี้ (13 ก.ค. 56) ผมได้รับเกียรติจากสำนักพิมพ์สกายบุ๊คส์ให้มาบรรยายในหัวข้อบรรณารักษ์ยุคใหม่ หัวใจนักพัฒนา เรื่อง “ทักษะแห่งอนาคต การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21” ที่จังหวัดอุบลราชธานี ผมเขียนเรื่องนี้ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องกลับ กทม มีเวลาว่างพอสมควร จึงขอสรุปข้อมูลจากการบรรยายมาให้อ่านครับ

21st century skill for librarian

ทักษะแห่งอนาคต การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
โดย นายเมฆินทร์ ลิขิตบุญฤทธิ์ นักจัดการความรู้อาวุโส สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK park)

สไลด์ที่ใช้บรรยายFuture skill for 21st century skill librarian version

[slideshare id=24173944&doc=futureskillfor21stcenturyskilllibrarianversion-130712072653-phpapp02]

หัวข้อที่ผมบรรยายในวันนี้ครอบคลุมในเรื่องดังต่อไปนี้
–  แนวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
–  หลัก 3Rs 4Cs ที่ควรรู้
–  รู้จักโลก – กระแสสังคม
– ไอซีทีเพื่อการศึกษา
– ความคิดสร้างสรรค์
– สื่อสังคมออนไลน์
– เครือข่ายสังคมออนไลน์

เนื้อหาโดยสรุป “สรุปทักษะแห่งอนาคต การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21”

1. แนวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

ที่มาของทักษะแห่งอนาคต มาจากภาคีความร่วมมือเพื่อทักษะการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 (เครือข่าย P21) (Partnership for 21st Century Skills) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นภาคีที่รวมกันระหว่าง บริษัทเอกชนชั้นนำขนาดใหญ่ เช่น บริษัทแอปเปิ้ล บริษัทไมโครซอฟ บริษัทวอล์ดิสนีย์ องค์กรวิชาชีพระดับประเทศ และสำนักงานด้านการศึกษาของรัฐ โดยกำหนดกรอบแนวความคิดออกมาดังนี้

– แกนวิชาหลัก และธีมหลักของศตวรรษที่ 21 ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ต้องมีการบูรณาการวิชาให้ครอบคลุม
– ทักษะ 3 อย่างที่เด็กควรจะมี ได้แก่ ทักษะชีวิตและการทำงาน, ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม, ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี
– ระบบสนับสนุนการศึกษาของศตวรรษที่ 21

นอกจากนี้แนวความคิดหลักอีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ TEACH LESS, LEARN MORE คือ สอนน้อยๆ แต่ให้เด็กเรียนรู้มากๆ

นอกจากนี้ยังอธิบายเกี่ยวกับเรื่อง PBL – Problem based Learning (กระบวนการเรียนรู้จากปมปัญหาสู่ปัญญา)

การเรียนรู้ที่ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะใฝ่หา ความรู้เพื่อแก้ปัญหา โดยเน้นผู้เรียนเป็นผู้ตัดสินใจในสิ่งที่ต้องการแสวงหาความรู้ และรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นทีมภายในกลุ่มผู้เรียน โดยผู้สอนมีส่วนร่วมน้อยที่สุด ซึ่งการเรียนรู้จากปัญหาอาจเป็นสถานการณ์จริง (ที่มาจาก ส่วนส่งเสริมวิชาการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์)

2. หลัก 3Rs 4Cs ที่ควรรู้

3Rs มาจาก

Reading การอ่าน
Writing การเขียน
Arithmetic คณิตศาสตร์

และ 4Cs มาจาก

Critical Thinking การคิดวิเคราะห์
Communication การสื่อสาร
Collaboration ความร่วมมือ
Creativity ความคิดสร้างสรรค์

3. รู้จักโลก – กระแสสังคม — โลกไม่ได้กลมเหมือนที่เราคิดแล้ว มันแบนลงจริงๆ ตามอ่านหนังสือเรื่อง The world is flat ต่อนะ

10 เหตุการณ์ที่ทำให้โลกแบน (ข้อมูลจาก http://www.gotoknow.org/posts/308285 (อ.แอมมี่))

1. วันที่ 9 พ.ย. 1989 กำแพงเบอร์ลินถูกทำลาย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มโลกไร้พรมแดน และหลังจากนั้นอีก 5 เดือน โปรแกรม Windows 3.0 เริ่มวางตลาด
2. บริษัท Netscape เข้าเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งทำให้เกิดสิ่งสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1)browser 2)www 3)dot com
3. การที่มีมาตรฐานและการเชื่อมโยงให้เกิดการสื่อสารกันได้ระหว่างผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์และโปรแกรม
4. การเปิดให้ใช้โปรแกรม Linux ฟรีแก่คนทั่วไป ทำให้เกิดรูปแบบใหม่ของการสร้างสรรค์
5. รูปแบบใหม่ของการร่วมกันในกระบวนการทำงาน โดยกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท สามารถแยกออกไปทำนอกบริษัทในที่อื่นได้
6. การย้ายฐานการผลิต หรือแยกกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัทไปต่างประเทศ
7. การบริหารห่วงโซ่อุปทานในปัจจุบันทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก บริษัท Wal-Mart ซื้อของจากประเทศจีนเป็นมูลค่าอันดับที่ 8
8. การที่บริษัทเข้าไปทำงานต่าง ๆ ในบริษัทอื่น เช่น UPS ซึ่งขณะนี้รับทำงาน logistics ให้กับหลายบริษัท
9. เราสามารถหาข้อมูลให้ตัวเองได้อย่างง่ายดายจาก Internet และ search engine เช่น Google
10. เราจะสามารถเชื่อมต่อกับใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย

นอกจากนี้ผมยังอธิบายถึง 10 เรื่องที่ต้องรีบทำความรู้จักเพื่อให้ทันต่อโลก คือ

1. The Long tail
2. The World is Flat
3. Critical Mass
4. Web 2.0
5. The Wealth of Networks
6. Free Economy
7. Crowdsourcing
8. Socialnomic
9. Wikinomic
10. Wisdom of Crowd

4.ไอซีทีเพื่อการศึกษา

การเรียนรู้มันเปลี่ยนไปเยอะแค่ไหน…ลองมองผ่านห้องสมุดจากอดีตถึงปัจจุบัน ความต้องการของผู้ใช้เปลี่ยนไป
หนังสือ –> สื่อมัลติมีเดีย –> คอมพิวเตอร์ –> Notebook/Netbook –> Tablet

คุณครูบรรณารักษ์ ต้อง [รู้จัก – เข้าใจ – นำไปใช้] ไอทีบ้างไม่ต้องเก่งถึงขั้นโปรแกรมเมอร์ เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับไอที มีดังนี้

– ความรู้และทักษะในกลุ่มโปรแกรมสำนักงาน
– ความรู้และทักษะในกลุ่มโปรแกรมสำหรับสื่อ
– ความรู้และทักษะด้านการใช้งานระบบเครือข่าย
– ความรู้และทักษะในกลุ่มพื้นฐานคอมพิวเตอร์
– ความรู้และทักษะที่เกี่ยวกับอุปกรณ์อื่นๆ
– ความรู้และทักษะในกลุ่มการใช้งานอินเทอร์เน็ต
– ความรู้และทักษะการใช้งานเว็บไซต์ 2.0

นอกจากนี้ผมได้แนะนำวิธีการเลือก app สำหรับ tablet และ smart phone ด้วย

5. ความคิดสร้างสรรค์ – เป็นของทุกคนไม่ใช่เพียงแค่นักออกแบบเท่านั้น

– ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้ทุกเวลา บางครั้งแค่เพียงเราคิดจะแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่ง นั้นก็คือการสร้างความคิดสร้างสรรค์แล้ว
– แผนที่ความคิด (Mind Map) = เครื่องมือกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

6. สื่อสังคมออนไลน์

– ทำความเข้าใจกับคำว่าเว็บ 2.0 ก่อน แล้วจะรู้ว่าเว็บในยุคนี้จะเน้นเรื่องการแชร์และการแบ่งปันข้อมูลเป็นหลัก
– เครื่องมือที่แนะนำให้ใช้มี 10 อย่าง ดังนี้

1) Blog
2) Wikipedia
3) Twitter
4) Facebook
5) Google+
6) LinkedIn
7) Youtube
8) Slideshare
9) Flickr
10) Pinterest

7. เครือข่ายสังคมออนไลน์

– ผมแนะนำแฟนเพจ “เครือข่ายห้องสมุดและบรรณารักษ์ไทย” และข้อดีของการรวมกันเป็นกลุ่ม

เอาหล่ะครับนี้ก็เป็นเพียงบทสรุปที่ผมบรรยายให้เพื่อนๆ ฟัง งานวันนี้ขอบอกว่าแอบตกใจเล็กน้อยว่า คนมาเยอะมากเกือบ 300 คนเลย และเป็นครั้งแรกที่สำนักพิมพ์เชิญผมบรรยาย เอาไว้มีโอกาสคงได้บรรยายให้ที่อื่นฟังในเรื่องดังกล่าวต่อนะครับ สำหรับวันนี้ก็ขอบคุณครับ

ตามรอยนิทรรศการ เปิดกล่องทางความคิดเส้นทางสู่ห้องสมุดยุคใหม่

บังเอิญนั่งดูภาพเก่าๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวแล้วเจอภาพชุดนึงที่น่าสนใจ เลยขอหยิบยกมาเขียนให้เพื่อนๆ อ่านแล้วกัน ภาพที่พบ คือ ภาพหลังจากที่พวกผมช่วยกันจัดนิทรรศการเปิดกล่องทางความคิดเส้นทางสู่ห้องสมุดยุคใหม่ กันเสร็จ (ภาพก่อนพิธีเปิดวันนึง ช่วงกลางคืน)

dscf0204

นิทรรศการเปิดกล่องทางความคิดเส้นทางสู่ห้องสมุดยุคใหม่
จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน – 30 พฤศจิกายน 2554 ณ ห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี

ปล. งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่ศูนย์ความรู้กินได้เปิดครบรอบ 1 ปี (20 กรกฎาคม 2553)

ภายในนิทรรศการเปิดกล่องทางความคิดเส้นทางสู่ห้องสมุดยุคใหม่มีอะไรบ้าง
– ภาพการเปลี่ยนแปลงของห้องสมุด ก่อนที่จะปรับปรุง – ห้องสมุดในรูปโฉมใหม่
– แบบพิมพ์เขียนและโมเดลอาคารห้องสมุด
– ข้อมูลจากการศึกษาวิจัย และข้อมูลจากการระดมความคิดเห็น
– ข้อมูลที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงห้องสมุดประชาชนจากต่างประเทศ
– แนวคิดห้องสมุด 2.0
– การเปิดตัวหนังสือ “เส้นทางสู่ห้องสมุดยุคใหม่”
ฯลฯ

dscf0231

นอกจากข้อมูลที่เป็นแบบบอร์ดนิทรรศการแล้ว การจัดงานในครั้งนี้ยังมีนิทรรศการมีชีวิต (นิทรรศการที่เกิดจากเครือข่ายหรือการมีส่วนร่วมของชุมชนด้วย) เช่น การให้คะแนนในการเข้าชมนิทรรศการด้วยการหยอดแต้มสี (คะแนน) ลงในกล่อง แถมยังมีพื้นที่ในการนั่งชมสื่อมัลติมีเดียที่จัดทำขึ้นเพื่อนิทรรศการนี้โดยเฉพาะด้วยนะ

dscf0435

แม้ว่า “นิทรรศการเปิดกล่องทางความคิดเส้นทางสู่ห้องสมุดยุคใหม่” จะจบไปแล้ว
แต่ไอเดียในการจัดนิทรรศการแบบนี้ (ที่มีเนื้อหาประมาณนี้) ยังคงประทับใจผมอยู่

อยากเห็นห้องสมุดหรือหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องแหล่งเรียนรู้ได้จัดงานและให้ความสำคัญกับการนำเสนอข้อมูลแบบนี้บ้าง
ลองคิดดูนะครับ ถ้ามีนิทรรศการหรือพื้นที่ในการเปิดไอเดียให้เหล่าห้องสมุดหรือแหล่งเรียนรู้ ผมว่าในวงการวิชาชีพเราคงคึกคักกว่านี้แน่ครับ

ชมภาพบรรยากาศในงานนิทรรศการเปิดกล่องทางความคิดเส้นทางสู่ห้องสมุดยุคใหม่ทั้งหมดได้ที่นี่

[nggallery id=65]

เพจแนะนำ โครงการห้องสมุดสุดปลายจมูก Library at Your Nose Tip

นานๆ ทีจะว่างเขียนบล็อก วันนี้ผมขอเขียนแนะนำหน้าแฟนเพจใน Facebook บ้างดีกว่า ซึ่งผมเองก็เป็นแฟนเพจของหลายๆ เพจบน Facebook เช่นกัน และรู้สึกว่าบางทีน่าจะนำมา review ให้เพื่อนๆ ได้รู้จักบ้าง

เริ่มวันแรกด้วย เพจนี้เลย : โครงการห้องสมุดสุดปลายจมูก (Library at Your Nose Tip)
http://www.facebook.com/LibraryAtYourNoseTip

library_atyour_nose_tip

ก่อนอื่นไปดูเขาแนะนำตัวกันก่อนเลยครับ (ขออนุญาต copy มาให้อ่าน)

โครงการห้องสมุดสุดปลายจมูก – Library at Your Nose Tip

โครงการที่มีชื่อมาจากละครเวทีที่ ป๋าเต็ด แห่ง FAT Radio เคยเล่นเมื่อหลายปีก่อน ชื่อ สุภาพบุรุษสุดปลายจมูก ซึ่งผมชอบเพลงประกอบของมันมาก (อัดเทปไว้ ตอนนี้เทปตลับนั้นยังอยู่) และ ชื่อนี้ผมต้องการจะสื่อว่า วิธีสร้างห้องสมุดง่ายๆ อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก

โครงการนี้เป็นโครงการรับบริจาคหนังสือ (และเงิน) เพื่อไปส่งต่อให้ห้องสมุดที่ขาดแคลน เป็นการสนองความสนุกส่วนตัว และ ผู้ที่ต้องการร่วมสนุกไปด้วยกัน โครงการนี้แอบมีเป้าหมายจะไปให้ครบ 76 จังหวัด โดยจะทำทุก 3 เดือน การเลือกโรงเรียนหรือสถานที่ที่จะไปเป็นไปตามความพอใจเท่านั้น เพราะเชื่อว่าหนังสือถ้าอยู่ในมือผู้รู้ค่าก็มีประโยชน์เองแหละ การทำบุญร่วมกันอาจจะทำให้มาเจอกันอีกในชาติหน้า ควรใช้วิจารณญาณในขณะที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนก่อนตัดสินใจร่วมทำบุญ

แค่หน้าแนะนำตัวผมว่าก็เก๋ใช่ย่อยเลยครับ แถมมีเป้าหมายด้วยนะ

ในเพจนี้มีอะไรบ้าง (ขอสำรวจดูสักหน่อย)
– ข่าวสารกิจกรรมของเพจที่ออกไปช่วยห้องสมุดต่างๆ
– การแนะนำและวิจารณ์หนังสือ (Book Review)
– ช่องทางในการรับบริจาคหนังสือ
ฯลฯ

อัพเดทความเคลื่อนไหวของโครงการห้องสมุดสุดปลายจมูก
เท่าที่ตามอ่านในหน้าเพจ ตอนนี้เห็นว่าดำเนินกันไป 41 จังหวัดแล้วนะครับ

library_atyour_nose_tip1

นับว่าเป็นเพจที่มีกิจกรรมมากกว่าแค่ออนไลน์จริงๆ….

ตัวอย่างของการเป็นช่องทางในการรับบริจาคหนังสือและสื่อเพื่อห้องสมุด

library_atyour_nose_tip2

เอาเป็นเจอเพจดีๆ แบบนี้แล้ว ผมเองในฐานะของเครือข่ายห้องสมุดและบรรณารักษ์ไทยจึงขอแนะนำให้เพื่อนๆ ไปตามเป็นแฟนเพจด้วยนะครับ

http://www.facebook.com/LibraryAtYourNoseTip

คราวหน้าผมจะแนะนำเพจไหนอีก เพื่อนๆ ต้องรอติดตามแล้วกันนะครับ

บรรณารักษ์เล่าเรื่องกรุงเทพเมืองหนังสือโลก มหานครแห่งการอ่าน

ข่าว “กรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก” ออกมาค่อนข้างมากก็จริง แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ คนไม่ทราบว่าปีนี้เป็นปีที่ “กรุงเทพฯ ถูกประกาศให้เป็นเมืองหนังสือโลก” “มหานครแห่งการอ่าน” จึงเป็นวาระที่ผมต้องนำมาเขียนถึงในวันนี้

เพื่อนๆ หลายคนคงได้มีโอกาสไปเดินงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติกันมาแล้ว ผมเองก็ได้มีโอกาสไปเดินดูอะไรต่ออะไรในงานสัปดาห์หนังสือเช่นกัน บูทหนึ่งที่ผมตั้งใจไปดูก็คือ บูทของ “กรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก” นั่นเอง

Bangkok world book capital1

ในบูท “กรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก” มีอะไรบ้าง
แน่นอนครับว่าต้องมีการพูดถึงที่มาของการได้เป็น “เมืองหนังสือโลก” หรือ “World Book Capital 2013” นอกจากนี้ยังมีการยกโครงการสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอ่านใน กทม มากมาย

Bangkok world book capital2 Bangkok world book capital3

ประเด็นที่ผมสนใจ คือ ทำไม “กรุงเทพฯ ถึงได้รับการประกาศเป็นเมืองหนังสือโลก”
(ในบอร์ดนิทรรศการกล่าวว่า) “กรุงเทพมหานคร มีความมุ่งมั่นที่จะนำผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการหนังสือทุกส่วน รวมถึงภาคส่วนอื่นๆ เข้ามาร่วมกันพัฒนาการอ่าน โดยได้นำเสนอแผนโครงการที่มีความหลากหลาย มุ่งเน้นชุมชน และแสดงออกถึงการมีพันธะสัญญาในระดับสูง ที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาการอ่านและหนังสืออย่างจริงจัง”

Bangkok world book capital4

แนวคิด Bangkok Read for Life
– อ่านเพื่อรัก
– อ่านเพื่อรู้
– รักและรู้

ยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อน และเตรียมการสู่การสร้างวัฒนธรรมการอ่านอย่างยั่งยืน 5 ยุทธศาสตร์
1. การสื่อสารสาธารณะเพื่อเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทางสังคม
2. การกำหนดนโยบายอย่างชัดเจนต่อเนื่อง
3. การสร้างความมีส่วนร่วมของเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน
4. การพัฒนาและขยายพื้นที่ส่งเสริมการอ่าน
5. การสร้างกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่หลากหลาย

จากยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ที่คิดออกมาทำให้เกิดโครงการต่างๆ ที่ส่งเสริมการเป็นเมืองหนังสือโลก โดยในบูทก็ยก 9 กิจกรรมที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมการอ่านออกมา เอาเป็นว่าใน 9 โครงการนั้นมีอะไรบ้าง ผมขอนำไปเล่าวันพรุ่งนี้แล้วกันครับ

Bangkok world book capital5

ในบูทนี้ก็มีของแจกมากมาย อาทิเช่น ที่คั่นหนังสือ สมุดโน้ต “กรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก”

และที่สำคัญกิจกรรมก็น่าสนใจด้วย เช่น
การแจก Passport ซึ่งภายใน Passport ก็มีคำถามเกี่ยวกับ “กรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก” และถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการอ่านของเรา Passport นี้สามารถนำไปใช้สำหรับกิจกรรม การเฉลิมฉลอง “กรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก” ในวันที่ 21-23 เมษายน 2556 ณ ลาน Skywalk หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

สำหรับวันนี้ผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ
และต้องขอขอบคุณงานสัปดาห์หนังสือที่ทำให้ผมเจอข้อมูลดีๆ แบบนี้