ปัจจุบันนี้ การใช้จ่ายผ่านบัตรกลายเป็นเรื่องปกติ หลายคนอาจกำลังสงสัยว่าบัตรเครดิตเงินคืน กับบัตรสะสมแต้มต่างกันอย่างไร และแบบไหนคุ้มกว่ากัน เพราะทั้งสองประเภทนี้ล้วนมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ในแบบที่แตกต่างกัน หากเข้าใจข้อดีของแต่ละแบบ จะช่วยให้คุณเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้มากที่สุด

บัตรเครดิตเงินคืนคืออะไร ?
บัตรเครดิตเงินคืน (Cashback) เป็นบัตรที่มอบผลตอบแทนให้ผู้ถือบัตรในรูปแบบ “เงินสด” หรือ “เครดิตคืนเข้าบัญชีบัตร” จากยอดใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เช่น หากคุณใช้จ่าย 1,000 บาท แล้วได้เครดิตเงินคืน 5% คุณจะได้รับเงินคืน 50 บาทโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจคืนเป็นยอดลดหนี้ในรอบบิลถัดไป หรือโอนกลับเข้าบัญชีตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
จุดเด่นของบัตรประเภทนี้คือผู้ใช้งานจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบที่จับต้องได้ทันที ไม่ต้องสะสมหรือแลกเปลี่ยน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และชื่นชอบความเรียบง่ายในการรับสิทธิประโยชน์
แล้วบัตรเครดิตสะสมแต้มล่ะ ?
ในทางตรงกันข้าม บัตรเครดิตสะสมแต้มจะให้ “คะแนนสะสม” แทนเงินสด เช่น ใช้จ่าย 25 บาท ได้ 1 แต้ม ซึ่งคะแนนเหล่านี้สามารถนำไปแลกรับของรางวัล ส่วนลด ร้านค้า หรือแม้แต่ไมล์สะสมสำหรับแลกตั๋วเครื่องบิน
บัตรประเภทนี้เหมาะกับคนที่มีแผนการใช้แต้มในระยะยาว ชอบการแลกของ หรือเดินทางบ่อย และต้องการนำแต้มไปใช้ให้เกิดความคุ้มค่าให้ได้มากที่สุด
ความแตกต่างในเรื่องผลตอบแทน
หากมองภาพรวม ผลตอบแทนจากบัตรเครดิตเงินคืนจะเกิดขึ้นทันที ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม ในขณะที่บัตรสะสมแต้มต้องใช้เวลาในการสะสมและต้องเลือกใช้แต้มให้เหมาะสม หากไม่ใช้หรือลืมใช้อาจทำให้แต้มหมดอายุโดยไม่ได้ประโยชน์
ในทางกลับกัน บัตรสะสมแต้มบางใบให้แต้มสูงในหมวดหมู่พิเศษ เช่น ท่องเที่ยว หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งอาจคุ้มค่ากว่าสำหรับคนที่ใช้จ่ายเยอะในหมวดเหล่านั้น
แบบไหนคุ้มกว่ากัน ?
ความคุ้มค่าไม่ได้มีคำตอบเดียว เพราะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ใช้เป็นหลัก หากคุณใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอในหมวดจำเป็น เช่น เติมน้ำมัน ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านอาหาร บัตรเครดิตเงินคืนอาจให้ความคุ้มค่าที่ชัดเจนและต่อเนื่องกว่า
อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นคนชอบท่องเที่ยว ใช้จ่ายเยอะในหมวดแฟชั่นหรือเดินทางและต้องการแลกของรางวัลที่มีมูลค่าสูง บัตรสะสมแต้มก็อาจตอบโจทย์คุณมากกว่า เพียงแต่ต้องบริหารแต้มให้ดี
ข้อควรรู้ก่อนเลือกบัตรเครดิต
- ตรวจสอบเงื่อนไขการรับสิทธิ์ : เช่น ต้องใช้ขั้นต่ำกี่บาทจึงจะได้เงินคืนหรือแต้มหมดอายุเมื่อไร
- รู้จักหมวดหมู่ที่ใช้จ่ายบ่อยที่สุด : จะช่วยเลือกบัตรที่ให้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้จริง
- อย่าลืมค่าธรรมเนียมรายปี : บางบัตรอาจดูให้สิทธิ์เยอะ แต่มีค่าธรรมเนียมแฝงสูง
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้บัตรเครดิตเงินคืนหรือบัตรสะสมแต้ม ทั้งสองแบบล้วนมีข้อดีในตัว หากคุณต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในทันทีบัตรเงินคืนจะช่วยคุณได้ แต่ถ้าคุณชอบวางแผนและใช้แต้มอย่างชาญฉลาดเพื่อแลกรับของรางวัลหรือเดินทางฟรีในอนาคต บัตรสะสมแต้มก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
ดังนั้น การรู้จักไลฟ์สไตล์การใช้เงินของตัวเองจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเลือกบัตรเครดิตที่ให้ประโยชน์สูงสุดในแบบที่คุณต้องการ