รีวิวหนังสือ การจัดกลุ่มหนังสือในห้องสมุดโรงเรียนฉบับเข้าใจง่าย

ตลอดระยะเวลาที่ผมได้เขียนบล็อกห้องสมุด และมีโอกาสไปบรรยายให้ห้องสมุดต่างๆ เข้าใจและรู้จักห้องสมุดในมุมมองต่างๆ คำถามหนึ่งที่คุณครูบรรณารักษ์ (บรรณารักษ์ในห้องสมุดโรงเรียน) ถามผมมากที่สุด คือ “จะเริ่มงานห้องสมุดอย่างไร ในเมื่อพวกเขาไม่ได้เรียนด้านบรรณารักษ์มาโดยตรง”

การจัดเรียงหนังสือในห้องสมุด มีแค่จัดเรียงตามแบบดิวอี้ (Dewey) หรือเปล่า ต้องเรียง 000 – 999 จริงๆ ใช่หรือไม่ และจะทำความเข้าใจตัวเลขต่างๆ ว่ามีความหมายอย่างไรได้เร็วที่สุดแค่ไหน …

โลกวันนี้มันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากๆ ครับ ถามว่า ถ้าไม่เรียงแบบที่บรรณารักษ์เดิมทำให้ แล้วเราสามารถจัดกลุ่มและแบ่งประเภทหนังสือแบบอื่นๆ ได้อีกหรือไม่

วันนี้ผมจึงขอถือโอกาส รีวิวหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ อ่าน ชื่อเรื่องหนังสือก็เข้าใจง่ายครับ
“Genrefication 101 : A School Librarian’s Quick Guide on How to Genrefy the Library”

ข้อมูลเบื้องต้นของหนังสือเล่มนี้
ชื่อเรื่อง : Genrefication 101 : A School Librarian’s Quick Guide on How to Genrefy the Library
ผู้แต่ง : Laura Holladay
สำนักพิมพ์ : HowExpert™
ปีพิมพ์ : 2018
จำนวนหน้า : 61 หน้า
ISBN : 9781949531626

สารบัญของหนังสือเล่มนี้

  1. What the Heck is Genrefying?
  2. Dewey Vs. Genrefying
  3. Planning to Genrefy
  4. Making Genrefication Happen
  5. Get Your Genrefy On
  6. Teach Your Users Right
  7. Two Final Thoughts and a Warning

สรุปเนื้อหาในแต่ละบท

— ทำความเข้าใจกันก่อน “ในห้องสมุดโรงเรียนสามารถทำได้ทั้ง Genrefying และจัดหนังสือแบบดิวอี้ ได้พร้อมๆ กัน การนำเรื่องนี้มาเขียน ผมไม่ได้หมายความให้เราเปลี่ยนห้องสมุดทั้งห้องเป็นแบบ Genrefying ทั้งหมดนะครับ ตัวอย่างเรื่องนี้คือ การจัดมุมหนังสือตามเทศกาล หรือ Collection สำคัญๆ —

บทที่ 1 เริ่มจากการอธิบายความหมายของการจัดกลุ่ม (Genrefying) และออกตัวว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ และอยู่ในระหว่างการนำมาใช้ในระยะเริ่มต้น (อาจต้องมีการปรับแก้ไขเพื่อให้เข้ากับห้องสมุดโรงเรียนต่างๆ อีกที) ที่มาที่ไปของ Genrefy มาจากภาระงานของบรรณารักษ์โรงเรียน (ครูบรรณารักษ์) ที่ค่อนข้างมีงานเยอะไม่ได้ดูแค่เรื่องห้องสมุดอย่างเดียว แต่ต้องสอนทักษะด้านสารสนเทศด้วย จุดหมายหนึ่งที่ครูบรรณารักษ์ต้องการ คือ ทำให้เด็กๆ รักการอ่านหนังสือ เพราะฉะนั้นการจัดกลุ่ม (Genrefying) จึงตอบโจทย์มากกว่าการจัดแบ่งหมวดหมู่ตามดิวอี้

บทที่ 2 ว่าด้วยเรื่องการเปรียบเทียบระหว่างการจัดกลุ่ม (Genrefying) และการแบ่งหมวดหมู่ (Classification) แบบดิวอี้ ผู้เขียนพยายามยกตัวอย่างให้เราเห็นว่า การจัดหมวดหมู่ดิวอี้แบบเดิมในห้องสมุดสามารถถูกแทนที่ด้วยการจัดกลุ่ม (Genrefying) ได้ ตัวอย่างการจัดเรียนหนังสือตามตัวอักษรของผู้เขียน (เพื่อให้เราได้เห้น Collection ของผู้เขียนท่านนั้นทั้งหมด) … นอกจากนี้การสอนเด็กๆ เกี่ยวกับการแบ่งหมวดหมู่แบบดิวอี้จริงๆ ควรสอนแบบใด (ไม่ใช่สอนจำตัวเลข แต่ให้สอนถึงที่มาที่ไปของการแบ่งหมวดหมู่)

บทที่ 3 การเริ่มต้นเพื่อการจัดกลุ่ม (Genrefying) สิ่งสำคัญ คือ ต้องคุยกับผู้บริหารให้เข้าใจเสียก่อน โดยเริ่มจากการจัดกลุ่มแบบเล็กๆ ก่อน เช่น จัดตามเทศกาลต่างๆ (มุมหนังสือความรัก (Valentine) มุมหนังสือสยองขวัญ (Halloween)) นอกจากนี้ในบทนี้ยังกล่าวถึงข้อดีของการจัดกลุ่ม (Genrefying) ว่ามันคือความยืดหยุ่น หรือ Flexible (จะดีแค่ไหนที่หนังสือหลายๆ เลขหมู่จะมาอยู่ร่วมกัน)

บทที่ 4 การทำให้มันเกิดขึ้น สามารถทำได้หลายอย่าง เช่น จัดมุมให้กับหนังสือในกลุ่มนี้ หรือ อาจใช้สติ๊กเกอร์หมวดหมู่เพื่อบอกว่าหนังสือในกลุ่มนี้ถูกจัดกลุ่ม (Genrefying) อยู่

บทที่ 5 ส่วนที่ยากที่สุดของเรื่องนี้ นั่นคือ การเปิดตัวหนังสือที่ถูกจัดกลุ่ม (Genrefying) เราต้องหาวิธีสื่อสารเพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจว่าหนังสือเดิมที่เคยอยู่ในชั้นหนังสือถูกเปลี่ยนที่ไปแล้ว เราต้องสื่อสารว่าจะย้ายไปนานแค่ไหน และเหมือนมันครบเวลาจะย้ายกลับมาอย่างไร เราต้องมีกลไกในการบันทึกข้อมูลของหนังสือเล่มนั้นๆ ด้วย (บางคนย้ายไปแล้วลืมย้ายกลับ บางทีอาจทำให้หนังสือหายไปจากชั้นหนังสือตลอดกาล)

บทที่ 6 บทนี้ห้ามข้ามเด็ดขาด นั่นคือ อย่าลืมสื่อสารกับผู้ใช้บริการ บอกเขาว่าวิธีการใช้หนังสือในกลุ่มนี้ต้องทำอย่างไร เมื่อหยิบออกมาแล้วต้องวางคืนที่ไหน ในห้องเรียนเราอาจสอนนักเรียนสำหรับการใช้หนังสือในกลุ่มนี้ได้ และนอกจากนี้อย่าลืมบอกคุณครูคนอื่นๆ ด้วย

บทที่ 7 เป็นบทที่มีการเปรียบเทียบอีกรอบระหว่างห้องสมุดประชาชน และห้องสมุดโรงเรียน บริบทการจัดกลุ่มหนังสือ (Genrefying) สามารถทำได้แต่อาจแตกต่างกันในจุดประสงค์ เหตุเพราะห้องสมุดโรงเรียนเราสามารถนำเรื่องดังกล่าวไปสอนในห้องเรียนได้ แต่กับห้องสมุดประชาชนอาจต้องใช้วิธีการสื่อสารแบบอื่นๆ แนวคิดหนึ่งที่ห้องสมุดประชาชนหลายๆ แห่งเริ่มนำมาใช้ คือ การจัดหมวดหมู่หนังสือแบบร้านขายหนังสือ อันนี้ก็น่าสนใจเหมือนกัน ประเด็นที่ต้องห้ามลืมเลยคือ การทำงานในรูปแบบนี้ต้องมอนิเตอร์และปรับปรุงตามบริบทของการใช้งานด้วย

หนังสือเล่มนี้อ่านไม่ยากครับ เนื่องจากจำนวนหน้าที่ค่อนข้างน้อย และผู้เขียนได้พยายามเล่าประสบการณ์ และอธิบาย Step by Step ค่อนข้างดี นอกจากนี้ผมชอบการจับประเด็นสำคัญของผู้เขียนในแต่ละบท เช่น อันนี้เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด อันนี้ห้ามข้ามเด็ดขาด ….

สรุปแบบเข้าใจง่ายๆ สำหรับหนังสือเล่มนี้ คือ นักเรียน/เด็กๆ ชอบการจัดกลุ่มเนื้อหา (Genrefying) มากกว่าการจัดแบ่งหมวดหมู่ตามดิวอี้ (Dewey)

Exit mobile version